วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

RPG Fantasy:Delirium(ความคุ้มคลั่ง)


เนื้อรื่อง
ในยุคที่มีแต่"ผู้กล้า" ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่"ผู้กล้า" ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร มากจากบ้าน-เมืองไหน ทำอาชีพใด ก็สามารถที่จะเป็น"ผู้กล้า"ใด้ด้วยกันทั้งนั้น
.
.
.
....ข้ามันก็แค่"นักล่าสัตว์ร้าย"เท่านั้น ที่สนใจแต่งานของตัวเองเท่านั้นณ. เมืองอาเดก้อน แค้วนแอสตีส จุดศูนย์รวมของผู้กล้า ชายหนุ่มคนนึงกำลังเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม....
"ท่านรามิน มีอะไรรึขอรับ"ชายหนุ่มถามเด็กสาว
"ทะ..ท่านพยัคฆ..!!"เด็กสาวตะโกนเรียชื่อของชายหนุ่มแล้ววิ่งเข้าไปหลบที่ด้านหลังแล้วพูดต่ออีกว่า"ขะ..เขาจะ..."
เมื่อพยัคฆหันหน้ามองทางที่รามินวิ่งมาหาก็ได้พบกับผู้ชายคนนึงแล้วพูดขึ้นว่า"ตั้งแต่ที่แค้วนสิงค์มา ข้าก็ไม่คิดว่าจักพบเจอกับเอ็งได้ที่แค้วนแห่งนี้อีก....ผู้กล้าแห่งแค้วนดารา ดาก้า...."
"เฮอะ! งั้นหรือ! เราพบกันก็ดีแล้ว มาตัดสินกันเลยว่า ผู้ใด้จะแข็งแกร่งกว่ากัน....เจ้าบ้านนอก!!"ดาก้าพูดท้าทายกับพยัคฆพร้อมทั้งยกหอกใบกว้างขึ้นมาอยู่ในท่าต่อสู้ ส่วนพยัคฆเองก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้เหมือนกัน"ก็ดีเหมือนกัน....ข้าเองก็เริ่มเบื่อที่จะปล่อยให้เอ็งทำเรื่องเยี่ยงนี้อีกไมได้อีกแล้วเช่นเดียวกันนั่นแล...."กล่าวจบพยัคฆได้หันมาบอกกับรามินว่า"ท่านรามิน กรุณาช่วยกระเถิบออกไปห่างๆอีกหน่อยนะขอรับ ประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอา"
"เวลาแบบนี้ยังจะห่วงคนอื่นอยู่อีกหรอ!! อ่อนหัดสิ้นดี!"ดาก้าตะโกนใส่พยัคฆพร้อมทั้งแทงหอกเข้าใส่พยัคฆทันที
"ปั่บ!!"
"ทั้งอาวุธ ทั้งเสื้อเกราะ มันไม่ใช่ของๆเอ็ง เอ็งใช้ของๆคนอื่นมาทำร้ายข้าไม่ได้ดอก!"พยัคฆสามารถปัดปลายหอกออกไปได้และเคลือนตัวเข้าหาดาก้าอย่างรวดเร็ว
"พลัก"....."โครม"
พยัคฆโจมตีใส่เข้าที่ใบหน้าของดาก้าเต็มแรง ทำให้ดาก้าหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น....สลบเหมือด!
"หลายครั้งหลายคราที่เอ็งโดนเยี่ยงนี้ แลก็มาขอร้องให้ข้าปล่อยตัวเอ็งไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า....แต่หนนี้เอ็งกลับหลับสนิด...ก็ดี!"พยัคฆพูดขึ้นแล้วล้วงเอาม้วนกระดานไม้ไฝ่ออกมาจากภายในเสื้อแล้วกางออก
"พึ"
"เริ่มกระทำการจับกุม ณ. บัดนี้"
"ซู่บ"
ม้วนกระดานไม้ไฝ่ได้กระทำการดูดเอาดาก้าเข้าไปภายในจนหมด และก็ม้วนกลับเข้าไปอยู่ในสภาพเดิม
"หมับ"
"....การจับกุมเสร็จสิ้น...."พยัคฆพูดขึ้นแล้วมัดม้วนกระดาดไม้ไฝ่เพื่อจะเก็บเป็นเวลาเดียวกับรามินเดินเข้ามาแล้วถามพยัคฆว่า
"ท่นพยัคฆคะ....สิ่งนั้นคืออะไรหรือคะ?"
"สิ่งนี้คือ คำภีร์พิพากษา ภายในนี้จะมีอาคมเบิกแดนกับอาคมผูกมัดกำกับอยู่ ด้วยสิ่งนี้ข้าสามารถจะส่งผู้กระทำผิดกฎของผู้กล้า หรือ นักล่าไปถึงศาลสูงได้ในทันที ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนั้น....ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ดอก"พยัคฆบอกกับรามิน"คะ..."
.
.
.
.
วันต่มา.....
"กริ๊ง"
เสีงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น"อ๊ะ!.....ยินดีตอนรับค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ....?"รามินบอกกับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้าน
"เรากำลังตามหาคนๆนึงอยู่"หนึงในกลุ่มลูกค้าได้บอกกับรามิน
.
.
.
อีกด้านนึง ใจกลางป่าใกล้ๆกับเมืง ขณะพยัคกำลังฝึกวิชาอยู่นั่นเอง
"ก๊อบ"
มีเสียงกิ่งไม้หักไม่ไกลนักดังมาจากด้านข้างของพยัคฆ พยัคฆนั้นสามารถรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรกำลังจะเข้ามา"แปลกดีแท้....วิชาเราใกล้จะสำเร็จแล้ว แถมป้ายรางวันค่าหัวเจ้าพวกนี้เกลื่อนไปทั่วทุกแว้นแค้วน....อีกอย่าง ไม่มีตัวอะไรที่คู่ควรแก่การทดสอบวิชานี้ได้เท่านี้อีกแล.....ราชันย์แห่งหมัด....คิงด้อม!!"
.
.
.
"เฮ้อ......เกือบไม่รอดเหมือนกันแฮะ....สมแล้วที่เป็นคิงด้อม แข็งแกร่งสมคำเล่าลือจริงๆ แต่....ข้าก็ทำสำเร็จแล้ว พ่อครู...ท่านเห็นรึไม่.... " พยัคฆพูดพึมพัมคนเดียวเบาๆ ครู่ต่อก็ได้มีเสียๆนึงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
"ครู....ครูพยัคฆใช่หรือเปล่าว...?"เด็กสาวคนนึงพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้ามาดูใกล้ๆ"ครูพยัคฆจริงๆด้วย!!"เด็กพูดขึ้นอีกครังด้วยความ ดีใจแล้วโผเข้ากอดทันที
"ซาซาช่า!! เอ็งมาทำอะไรที่นี่?!"พยัคฆพูดด้วยความตกใจ
"ก็มาหาครูนั่นแหละ ว่าแต่ครูมาทำอะไรในป่าแบบนี้ล่ะ"ซาซาช่าถามพยัคฆ
"ฝึกวิชาอยู่น่ะสิ....."พยัคฆตอบและเป็นเวลาเดียวกับที่ซาซาช่าหันไปเห็นคิงด้อมนอนอยู่ก็ร้องทักไปว่า"นี่ครูสู้กับเจ้าตัวนี้โดยไม่ใช้อาวุธหรือ..!?"
"ว่าแต่เอ็งเถิด มีเหตุอันใดถึงมาหาข้าถึงนี่...."พยัคฆถามซาซาช่ากลับไปบ้าง"คุณหนูของฉันเค้าต้องการพบครูน่ะสิ เค้ามีเรื่องอยากให้ครูช่วยเหลือ...."ซาซาช่าตอบ "คุณหนู....อ้าว?! นี่เอ็งไม่ได้ครองเมืองซิงค์ครานแล้วหรือ ข้าไมเห็นรู้เรื่อง!?"พยัคอุทาน "ฉันว่าครูไม่รู้น่ะดีแล้วหละ....เอาเป็นว่าครูช่วยไปหาคุณหนูท่านก่อนได้หรือเปล่าว?....ส่วนเรื่องนี้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกันนะ"ซาซาช่าตอบ "แล้ว....คุณหนูของเอ็งท่านเป็นผู้ใดกัน?"พยัคฆถามต่ออีกครั้ง"คุณหนูท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเชียวหละ ที่สำคัญคือ....ไม่ใช่ผู้กล้า..."
.
.
.
.
อีกด้านหนึง
"คุณหนูคะ....จะดีหรือคะที่ให้คุณซาซาช่าไปคนเดียวแบบนั้น...."หญิงสาวคนนึงพูดกับเด็กสาวอีกคนนึงผู้เป็นคุณหนู"ดีแล้วหละ เพราะมีแค่คุณซาซาช่าคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักคนๆนี้ดีที่สุดในกลุ่มของพวกเรา ประเดี๋ยวก็จะมาคงแล้วคะ...."เด็กสาวผู้เป็นคุณหนูพูดขึ้น ไม่นานนัก ซาซาช่าและพยัคฆก็กลับมาถึงโรงเตี๊ยม "ฃอโทษคะคุณหนู มาช้าไปหรือเปล่าวคะ..?"ซาซาช่าถามเด็กสาว "ไม่หรอคะ นี่น่ะหรือคือครูพยัคฆที่คุณพูดถึง?"เด็กสาวถามขึ้น"ใช่ค่ะ! นี่!คือครูพยัคฆแห่งมัตตัยค่ะ!"ซาซาช่าแนะนำพยัคฆแก่เด็กสาว"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อไอริส เป็นนักพยากรณ์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ครูพยัคฆ"เด็กสาวแนะนำตัว"เรียกพยัคฆเฉยๆก็กได้ขอรับคุณหนู"พยัคฆบอกกับไอส "แล้ว....มีเหตุใดที่ท่านต้องการพบข้ารึ"พยัคฆถามไอริส"คุณพี่แอนนิซี่ ช่วยหยิบสิ่งนั้นมาให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?"ไอริสบอกกับหญิงสาวอีกคนนึง"ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"แอนนิซี่ตอบกลับ "ฉันรู้ว่าคุณรู้จักสิ่งๆนี้"ไอริสพูดกับพยัคฆไม่นานนักแอนนิซี่ได้ยกลังไม้ออกมาวางไว้ตรงหน้าของพยัคฆแล้วนำแผ่นหินที่แตกออกมาวาง "นี่มันศิลาวิปโยคนี่!! ท่านได้มันมาจากแห่งใดกัน!!?"พยัครองขี้นด้วยความตกใจ"ด้านเหนือของที่นี่ คนที่นำมันมาก็คือคนที่คุณจับกุมตัวไปเมื่อวานนี่ค่ะ และฉันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกตอนนี้....คุณเองก็หน้าจะรู้ดีสินะคะ..."ไอริสพูด ทันใดนั้นรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังกำลังใกลเข้ามาและไอริสได้บอกกับพยัคฆต่ออีกว่า"ผู้ที่จะหยุดสิ่งๆนั้นได้และสามารถช่วยเหลือเมืองนี้ได้มีแต่เทพอสูรผู้พิทักษ์เท่านั้น ได้โปรดช่วยนำความเหล่านี้ไปบอกเเก่เทพอสูรตนนั้นด้วยเถอะคะ!!?"
.
.
.
คืนนั้น
"จะให้ข้านำความเรื่องนี้ไปบอกงั้นรึ...."พยัคฆได้คิดถึงคำขอร้องของไอริส"ล้อเล่นใช่ไหมเนี้ย"
วันต่อมา ในขณะที่ทุกคนในเมืองกำใช้ชีวิตอย่างปกติเช่นทุกวัน ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มืดครึ้มลงและปรากฏร่างของเพธิดาขนาดใหญ่ลอยลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนในเมืองต่างเห็นในสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากันเกือบทุกคน รวมถึงไอริสและทุกคนในกลุ่มก็อยู่ตรงนั้นด้วยเช่นเดียวกัน "นั่น....นั่นคืออะไรกัน?!"แอนนิซี่พูดขึ้นด้วยความตะลึง"นั่นคือเทพธิดาวิปโยค เทพธิดาแห่งความหายนะ คุณพี่แอนนิซี่ ครั้งนี้หนูไม่รู้ว่าต่อจากนี้อะไรกำลังจะเกิดขึ้น....แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า วันนี้ของเมืองนีจะจบลงแบบไหน หนู....มองอะไรต่อจากนี้ไม่เห็นแล้วคุณพี่....!"ไอรีสบอกกับแอนนิซี่ด้วยความร้อนรนเพราะแม้จะเป็นนักทำนายแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป"ใจเย็นๆค่ะคุณหนู ฉันเชื่อว่าจะไม่เป็นไรแน่นอน แต่ในตอนนี้เราควรทำในสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่หรือคะ?"ซาซาช่าพูดเชิงปลอบไอริส"นั่นสินะ ตอนนี้เราควรทำในสิ่งที่ควรทำก่อน ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรก็เอาไว้ทีหลัง ขอบคุณมากๆนะคะ คุณซาซาช่า"ไอริสกล่าวขอบคุณซาซาช่า"ทุกคน.........!!! รีบหนีเร็วเข้า!! นี่คือเทพธิดาแห่งหายนะ!! รีบหนีไป.....!!!"่ไอริสตะโกนบอกกับทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น ทันใดนั้น. เทพธิดาแห่งความหายนะเริ่มขยับตัวและเริ่มโจมตีใส่ผู้คนในเมืองทันที ผู้คนภายในเมืองมีแต่ความโกลาหล 
"ทางนี้ค่ะ...ทางนี้!!"แอนนิซี่ร้องเรียกคนที่กำลังหนี"เร็วๆเข้าเถอะค่ะ!!" ในระหว่างที่กำลังชุลมุนอยู่นั่นเองตรงกลางลานกว้างของเมืองได้มีผู้หญิงท้องแก่คนนึงนอนอยู่กับพื้น"นั่น!? แย่แล้ว!! คุณซาซาช่าฝากตรงนี้ด้วยนะคะ!!"แอนนิซี่รีบบอกกับซาซาช่าและรีบวิ่งไปช่วยผู้หญิงท้องแก่คนนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่เทพธิดาแห่งความหายนะกำลังจะฟาดดาบลงตรงนั้นพอดี"แย่แล้ว!! แบบนี้ไม่ทันแน่ๆ!!"
"ตูมมมม."
"บ้าจริง!! ไม่ทันหรือนี่!!!?"
.
.

.
.
"นี่เอ็งน่ะ! ชื่อนแอนนิซี่ใช่ไหม? เอ้านี่!"มีเสียงเรียกจากด้านหลังของแอนนิซี่ พยัคฆนั่นเองและในอ้อมแขนมีผู้หญิงท้องแก่คนนั้นอยู่ด้วย "รับไป"พยัคพูดพร้อมกับวางผู้หญิงท้องแก่ลงเพื่อให้แอนนิซี่เพื่อพาไปที่ปลอดภัย"แล้วจักเอาเช่นไรดี?"พยัคฆถามแอนนิซี่"แล้วคุณได้นำคำขอร้องของคุณหนูไปบอกกับเทพอสูรผู้พิทักษ์แล้วหรือยังหละคะ?"แอนนิซี่ถามพยัคฆกลับ"ข้านำความไปบอกแล้ว....ท่านอสูรบอกว่าจะรีบตามมา"พยัคฆตอบ"งั้นก็หมายความว่า เราต้องถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าเทพอสูรผู้พิทักษ์จะมาถึงงั้นสินะคะ?"แอนนิซี่ออกความเห็น "เห็นท่าจักใช่....แต่ก่อนอื่นเอ็งรีบพาคนท้องไปในที่ๆปลอดภัยก่อนเถิด แล้วรีบไปบอกกับคุณหนูว่าจะทำเช่นไรต่อ ส่วนข้าจักอยู่ตรงนี้ ดูว่ามีผู้ใดหนีไม่ทันแล้วต้องการความช่วยเหลืออีก"พยัคฆบอกกับแอนนิซี่ และก่อนที่ทั้งคู่จะแยกจากกันพยัคฆได้ตะโกนตามหลังแอนนิซี่ไปอีกว่า"อย่าลืมบอกข้านะหากได้เรื่องอย่างไรแล้ว" "ช่างทรงพลังยิ่งนัก....นี่ขนาดยังไม่ลืมตาตืนเลยนะนี่...."
.
.
ทางด้านแอนนิซี่เมื่อพาผู้หญิงท้องแก่ไปที่ปลอดภัยแล้วก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไอริสฟัง"ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ต้องลงมือกันเองเเล้วหละค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ"  "กรุณารอพวกเราด้วยครับ!!"มีเสียๆหนึ่งดังขึ้น"ให้พวกเราไปด้วยนะครับ!! ในฐานะของผู้กล้าเราจะไม่ยอมให้สิ่งๆนั้นมาทำลายเมืองนี้เด็ดฃาด!!"เหล่าผู้กล้าแสดงความประสงค์ขอรวมเข้าต่อสู่"ได้สิคะ....แต่งานนี้ไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียงนะคะ มีแต่ชีวิตในวันพรุ่งนี้ของพวกคุณกับทุกๆคนเท่านั้นนะคะ...."ไอริสพูดแล้วเดินออกไปด้านนอก"คุณหนูคะ?...ไหนบอกว่ามองไม่เห็นแล้วนี่คะ?"แอนนิซี่ถามไอริสด้วยความสงสัย"มันแปลกนะคะคุณพี่....พอฉันมองคนพวกนี้แล้วฉันเห็นภาพแบบนั้นขึ้นมาได้ แต่กับเทพธิดาองค์นั้นกับคุณพยัคฆ....ฉันกลับไม่เห็นอะไรเลย....ทั้งในตอนนั้นและตอนนี้...."
.
.
ด้านนอกพยัคฆนั้นกำลังหลบการโจมตีของเทพธิดาอยู่"อุบ๊ะ! ขนาดหมัดอัดอากาศยังถูกปัดป้องไปได้ เยี่ยงนี่หมัดสำริดแบบธรรมดานี่คงไม่ได้แล้วสิ...." "คุณพยัคฆคะ..!!"เสียงแอนนิซี่กำลังวิ่งมาหาพยัคฆ"เราตกลงกันแล้วค่ะ กลุ่มของพวกเรากับกลุ่มผู้กล้า เราจะร่วมมือกันช่วยถ่วงเวลาจนกว่าเทพอสูรผู้พิทักษ์จะมาถึงคะ!"แอนนิซี่บอกกับพยัคฆ"กับพวกผู้กล้าด้วยรึ! เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย แต่ขออย่าให้เจ้าพวกนั้นใจเสาะหนีไปเสียก่อนก็คงดี"พยัคฆพูดขึ้นอย่างมีกำลังใจแต่ก็ยังมีห่วงอยู่บ้าง
.
.
"กระสุนจรัสฟ้า!!"ไอริสใช้ท่าพิฆาตยิงกระสุนเวทใส่เทพธิดาแห่งความหายนะทันที
"คมเขี้ยวอสรพิษสีเงิน!!"แอนนิซี่ก็ใช้ท่าพิฆาตโจมตีใส่เทพธิดาช่นเดียวกัน
"ทิ้มแทงจันทรา!!"ซาซษช่าเองก็โจมตีใส่เทพธิดาด้วยท่าพิฆาตเช่นกัน
"....ท่าพิฆาตของข้าทำอันตรายร่างกายเอ็งไม่ได้....เช่นนั้นก็ต้องนี่!! วิชาลับของวิชาหมัดขั้นสูงสุดแห่งพรรคกระเบน เทพสำริด!!"พยัคฆคำรามขึ้นแล้วรวบรวมพลังทั้งแล้วปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว
"ซูบบบบบบบ.."ตูมมมม.."...."ครืนนนนน..."
ณ. ตอนนี้พยัคฆได้มีแขนเป็นแขนเป็นสำริดและมีแขนเพิ่มขึ้นอีก3คู่!!"มาดวนกัน!!"พยัคฆคำรามขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปโจมตีเทพธิดาแห่งความหายนะ ส่วนกลุ่มผู้กล้านั้นต่างช่วยกันโจมตีใส่เทพธิดาแห่งความหายนะเช่นเดียวกัน การโจมตีดำเนินต่อไปจนกระทั่ง
"ตูมมมมม..."
มีการโจมตีที่ทะลุการป้องกันของเทพธิดาไปได้แล้ถูกใบหน้าของเทพธิดาแบบจังๆ! ผลของการโจมตีนั้นทำให้เทพธิดาลืมตาตี่นจนกลายเป็นเทพธิดาแห่งความหายนะอย่างแท้จริงและเริ่มโจมตีทุกๆคนที่อยู่บริเวณมั้นในทันที"แย่ล่ะสิ!!"พยัคฆอุทานขึ้นด้วยความตกใจเป็นเวลาเดียวกับเทพธิดากำลังฟาดดาบลงมาที่กลุ่มของไอริสพอดี "ฮึ่ม..!!"พยัคฆได้พุ่งตัวเข้าไปขวางแล้วใช้แขนทั้งหมดรับดาบของเทพธิดาแทน
"ชิง..." "หวือ...." "โครมมมมม.."
แขนทั้งหมดของพยัคฆที่ใช้รับดาบของเทพธาดนั้น ทั้งหมดแตกกระจายออกเป็นส่วนๆ ส่วนตัวของพยัคฆเองนั้นได้รับแรงกระแกจากดาบกระเด็นออกไปตกในป่าด้านนอกของเมือง
.
.
.
"ครูพยัคฆ!!"ซาซาช่าอุทานขึ้นแล้วตั้งท่าเตรียมจะวิ่งเข้าไปช่วยพยัคฆแต่กลับถูกดาบของเทพธิดาขวางเอาไว้
"ฟู่...." ฟ้าววววว...""ตูมมมมมม..."
มีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งมาชนเข้ากับเทพธิดา ทำให้เทพธิดากระเด็นลอยออกนอกเมืองไปไกล"ข้าว่าสูท่านหยุดทำเรื่องเยี่ยงนั้นจักดีกว่า ท่านเทพธิดา...."เสียงๆนึงดังขึ้นออกมาจากลูกไฟที่ลอยอยู่บนอากาศที่ค่อยๆมอดดับลงจนสนิดเผยให้เห็นร่ายกายกำยำร่างๆนึงออกมา"เจ้า!! เจ้าน่าจะดับสูญไปแต่ครั้งสงครามไตรเทพแล้วมิใช่รึ!? เหตุใดจังมาที่แห่งนี้?!!"เทพธิดาอุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ"ข้ามาอยู่ที่แห่งนี้ได้ก็เพราะสูท่านนั่นแล ท่านเทพธิดา"อสูรตนั้นบอกแก่เทพธิดา"หากเจ้าคิดจักเข้ามาขวางข้าล่ะก็!! ข้าจักสังหารเจ้าให้ดับดิ้นเสียตรงนี้!!"เทพธิดาพูดขึ้นด้วยความโกรธ"....อันตัวข้าเองก็มิอย่างจักมีเหตุระแคะระคายอันใดกับสูท่านดอก เพียงแต่จักมาหยุดท่านเพียงเท่านั้น...."อสูรตนนั้นบอกกับเทพธิดาด้วยความอ่อนใจ"หากต้องการจักช่วยเจ้าพวกมนุษย์ที่น่าสังเวชพวกนี้นัก ก็สังหารตัวข้าให้ดับดิ้นเสียตรงนี้เถิด!!"เทพธิดาพูดขึ้นพร้อมกับตรงเข้าไปโจมตีอสูรตนนั้นทันที ส่วนอสูนตนนั้นเห็นท่าทีว่าจะเกลี้ยกล่อมไม่ได้จึงดึงเอาดาบที่เหน็บไว้ด้านหลังออกมาแล้วใช้ป้องกันการโจมตีของเทพธิดาทั้งๆที่ยังไม่ดึงฝักดาบออก"เจ้า!! เหตุใดถึงไม่ปลดดาบออกจากฝัก?!"เทพธิดาถามอสูรตนนั้นด้วยความโกรธ"ข้าเคยบอกกล่าวกับสูท่านแล้วใช่หรือไม่ว่า ข้าไม่อยากมีเหตุระแคะระคายอันใดกับสูท่าน ข้าเพียงแค่มาหยุดท่านเพียงเท่านั้นมิใช่รึ...?"อสูรตนนั้นตอบกลับ ดำตอบนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่เทพธิดาองค์นั้นเป็นอย่างมากจึงตะโกนออกไปสุดเสียงว่า"เช่นนั้น!! หากเจ้าต้องการที่จักหยุดข้าล่ะก็!! มีเพีงแค่ต้องสังหารข้าให้ได้เท่านั้นหนทางเดียวเพียงเท่านั้น!!! เจ้าอสูรเอ๋ย!!...."อสูรตนนั้นเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่วออกไปว่า"ในเมื่อสูท่านประสงค์ความวิบัติแห่งชีวิตของสูท่านเป็นทางออกสุดท้าย....เช่นนั้นตัวข้าก็จำเป็นต้องสังหารสูท่าน....ให้ดับดิ้นลงเสียตรงนี้...."อสูรตนนั้นบอกพร้อมกับดึงดาบอันยาวใหญ่ออกจากฝัก
.
.
.
.
เมื่ออสูรตนนั้นดึกดาบออกจากฝักเรียบร้อยแล้วก็พุ่งตรงโจมตีเทพธิดาทันที
"เชิงงงงง...."
เมื่อคมดาบของทั้งสองปะทะกัน อสูรตนนั้นได้เห็นภาพในอดีดของเทพธิดา.....
....ครั้งหนึ่งเคยมีครอบครัวนึง พ่อ แม่ ลูก อศัยอยู่ในเขตุเเดนของเทพธิดา แต่ทว่าความสุขของครอบครัวนี้ต้องจบลงเมื่อมีชาวเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกับเขตุแดนของเทพธิดา ชาวเมืองๆนั้นได้กระทำการจับกุมตัวสมาชิกทุกคนในครอบครัวเอาไว้แล้วทุกคนถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด แล้วเป็นต้นเห็นของการศูนหายของผู้คนในเมืองและสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ครอบครัวนี้บริสุทธิ์ และพยายามแสดงความบริสุทธิ์แล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดในเมืองเชื่อถือเลยแม้แต่คนเดียง แต่ความจริงคือผู้นำของเมืองๆนั้นต้องการแค่ที่ดินบริเวณนั้นทั้งหมดมาเป็นของตนเองเพียงเท่านั้น ในไม่ช้าทั้งหมดถูกตัดสินโทษให้ประหารชีวิต เมื่อถึงเวลาประหาร ผู้เป็นพ่อได้ตะโกนสาปแช่งทุกๆคนในเมืองๆนี่ให้ประสบพบแต่ความวิบัติหายนะด้วยน้ำมือของเทพธิดาแห่งดินแดนนั้น หลังจากประหารผู้เป็นพ่อ-แม่ไปแล้วนั้น มือประหารกำลังจะทำการประหารผู้เป็นลูก แต่แล้วเกิดเหตุขึ้น มีเพธิดาองค์นึงลอยอยู่เหนือเมืองนั้น ทุกคนในเมืองต่างเห็นและนึกหวนถึงคำสาปแช่งของผู้เป็นพ่อของเด็กจึงพากันก้มหน้าขอร้องเทพธิดาแล้วทำการปล่อยเด็กออกมาจากเครังพันธนาการ แต่สายไปเสียแล้วเทพธิดาได้กระทำการกวาดล้างเมืองๆนั้นในทันทีตามคำสาปของผู้เป็นพ่อของเด็กน้อยคนนั้น จากเทพธิดาที่รักสงบได้กลับกลับเป็นเทพธิดาแห่งความหายนะนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
.
.
.
.
เมื่ออสูรตนนั้นได้เห็นภาพแบบนั้นเข้าจึงหยุดชะงักและรีบถอยออก"ชิ'!....เห็นในสิ่งที่มิครวซะแล้ว....เพราะเยี่ยงนี่ไง....ข้าถึงมิอยากจักกลับมา..."อสูรตนนั้นบ่นพึมพัมในใจและอสูรตนนั้นรู้ว่าการที่จะปลดปล่อยเทพธิดาองค์นี้ได้ก็มีแต่ต้องสังหารให้ได้เท่านั้น"จิตใจแห่งสูท่านมือนบอดด้วยโทษะแลความอาฆาตแค้น....เเม้เป็นเทพก็ยังหนีสิ่งนี้ไมพ้นเลยรึนี่....ข้าจะปลดปล่อยสูท่านจากความน่ารังเกลียดนี้ให้ท่านเอง.....ด้วยดาบนี่..."อสูรตนนั้นพูดพร้อมขยับดาบที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ"ไฟนี้จักช่วยชำระล้างจิตใจแลวิญญานของสูท่านได้ นั้นจักทำให้สูท่านกลับมาเป็นเทพธิดาที่รักสงบได้ดังเดิม......"พูดจบอสูรตนนั้นได้ยกขึ้นเหนือหัวแล้วควงดาบทั้งๆที่มีเปลวไฟ"มหาเพลิง....กัมปนาท....!!"เปลวไฟที่ถูกปล่อยออกไปนั้นได้ถูกร่างของเทพธิดาอย่างเต็มๆแม้ว่าเทพธิดาจะทำการป้องกันอย่างไรก็ไม่เป็นผล ในช่วงสุดท้ายก็นที่เปลวไฟจะเผาร่างของเทพธิดาจนหมดสิ้นได้สบตากับอสูรตันนั้นพร้อมกับพูดว่า"....ขอบคุณมากๆ....ที่ช่วยเหลือ..."
.
.
.
.
ทันทีที่เปลวไฟดับลงได้มี่ร่างของเด็กสาวคนนึงร่วงล่นลงมาจากบริเวณที่เทพธิดาเคยอยู่ ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะกระแทกกับพื้นอสูรตนนั้นได้จับตัวเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี"ไม่ใช้ร่างของเทพธิดาองค์นั้นนี่....เยี่ยงนี้นี่เอง...คงต้องพากลับไปด้วยจนกว่าจะพบใครออกมารับจักดีกว่า..."
.
.
อีกด้านหนึ่งในเมือง
"มันจบลงแล้ว...."ไอริสพูดขึ้นแล้เงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนกลับเป็นอย่างเดิม"เอ๋?....จบแล้วหรือคะคุณหนู? แล้วไหนเทพอสูรผู้พิทักษ์ล่ะคะ?"ซาซาช่าถามไอริส"ก็ลูกไฟลูกเมื่อกี้นี้ไงหละ...."แอนนิซี่ตอบแถนไอริส"จบแล้วหรอ....ดีจัง....เอ๋!?....แล้วครูพยัคฆล่ะ!!"ซาซาช่าเพิ่งนึกถึงพยัคฆ"ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่..."เสียงพยัคฆดังออกมาจากหัวมุมของบ้านหลังนึงที่อยู่ใกล้ๆกัน"ครู!!!?"ซาซ่ช่าร้องขึ้นเสียงดังและเตรียมจะโผเข้ากอดพยัคฆแต่พอดีเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึงอยู่บนหลังของพยัคฆ"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง..."พยัคฆพูดขอโทษพวกของไอริส"ค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ..."ไอริสตอบ"แล้วผู้หญิงคนนี้....ครูไปพบที่ไหนหรอคะ...?"ซาซาช่าถามพยัคฆ"....ท่านอสูรนี่สิ....นำมาให้ข้าพามาที่นี่แล้วให้ข้าดูแลอีก....แถมยังบอกอีกว่า เด็นคนนี้น่าสงสาร อีกตางหาก"พยัคฆตอบแล้วถอนหายใจเฮือก....
.
.
คืนนั้นทุกคนได้จัดเลี้ยงฉลองใญ่กันภายในโรงเตี๊ยมและด้านนอก
"สุดท้าย....ก็หาได้มีผู้ใดออกไปรับไม่..."พยัคฆนั่งพูดอยู่ภายในห้องของตัวเองพร้อมกับเด็กสาวที่ตนแบกขึ้นหลังมานอนอยูบนเตียง ไม่ได้ออกไปด้านนอก"น่าสงสารรึ....คงจักใช่ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็ถูงลงโทษทั้งๆที่โทษนั้นมิได้เป็นความจริงเป็นเพียงคำพูดโปปดของคนที่อยากได้ในสิ่งที่มิใช่ของๆตน...."พยัคฆพูดพรางเอามือลูบหน้าผากของเด็กสาวเป็นเวลาเดียวกับเด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี"อ้าว....ตืนแล้วรึ..."พยัคฆถามเด็กสาวพร้มทั้งแนะนำตัวเอง ส่วนเด็กสาวนั้นได้แต่พยักหน้า"แล้วเอ็งชื่ออันใดรึ..?"พยัคฆถามชื่อของเด็กสาว คราวนี้เด็กสาวกลับส่ายหน้า"อ้าว?....นี่จำอะไรไม่ได้เลยรึ?"พยัคฆร้องถ้ามเด็กสาว ส่วนเด็กสาวก็ได้เเต่นิ่งๆ"เช่นนั้นข้าจักตั้งให้ก็แล้กัน....เอาเป็น....เออ....ฟ้าใสแล้วกัน!"พยัคฆพูด"...ฟ้าใส..."เด็กสาวพูด "ใช่....เมฆหมอกเมฆฝนได้จางหายออกไปแล้ว ก็จักเหลือท้องฟ้าสีครามที่งดงาม....ข้าว่ามันเหมะกับเอ็นนะ กับคำว่าฟ้าใส"พยัคฆบอกกับเด็กสาว ส่วนเด็กสาวก็ได้แค่พยักหน้ารับเหมือนเดิม
.
.
"คุณหนูไอริส ท่านจักกลับไปเมืองของท่านเมื่อใดกันรึขอรับ?"พยัคฆถามไอริสที่กำลังนั่งอยู่บริเวณลานก้วงของเมือง"วันพรุ่งนี้พวกเราก็จะกลับแล้วล่ะค่ะ มีอะไรหรือคะ?"ไอริสตอบพร้อมถามกลับ"ข้ามีเรื่องอยากจักขอร้องท่าน...."พยัคตอบ"ขอร้องอะไรหรือคะ?"ไอริสถามพยัคฆต่อ"ช่วยพาฟ้าใสไปด้วยนะขรับคุณหนู...."พยัคฆพูด "ฟ้าใส? หมายถึงคนที่คนพามาด้วยสินะคะ?....เข้าใจแล้วค่ะ...เเต่ฉันไม่รู้ว่าจะดูแลได้ดีแค่ไหนนะคะ"ไอริสตอบ
.
.
รุ่งเช้าพวกไอริสออกเดินทางพร้อกับพาฟ้าใสกลับไปด้วยตามที่พยัคขอร้องไว้ ในระหว่างทางก็ได้อธิบายให้กับแอนนิซี่และซาซาช่าฟัง เมื่ออธิบายเสร็จแล้วไอริสได้นั่งหลับตาอยู่ครูนึงแล้วลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า"สายสัมพัธ์ของพวกนักสู้นี่....ดูเป็นอะไรที่แปลกดีนะคะ..." เอ๋ๅ?"คำพูดนี้ทำให้ทั้งคู่สงสัยเป็นอย่างมาก
.
.
ส่วนพยัคฆนั้นได้ออกเดินทางออกจกเมื่ออาเดก้อนระหว่างทาง คิงด้อมได้ออกมาจากข้างทาง และเป็นตัวเดียวกันกับตัวเดียวที่เขาเคยสู้เพื่อทดสอบวิชาอีกด้วย ครู่ต่อมามีคิงด้อมตัวเล็กเดินออกตามมาแล้วตั้งท่าเตรียมต่อสู้"นี่จักให้ข้าเป็นครูสอนลูกให้รึ"พยัคพูดเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ ส่วนคิงด้อมตัวใหญ่นั้นได้แต่พยักหน้าแล้วหันกลับไปมองหน้าลูกของตัวเอง ในระหว่างนั้นพยัคฆได้นึกถึงคำๆนึงของพ่อครูที่เคยพูดกับเข้าไว้ จากนั้นก็หันมาบอกกับลูกคิงด้อมว่า"ก็ได้ แต่ข้าไม่ใจดีนะ...."พูดจบทั้งคู่ก็วิ่งเข้าหากันทันที.