วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

The grappling

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เอล์ฟ หรือ ออร์ค ต่างก็มีหนทางของตัวเองด้วยกันทั้งนั้นแหละน่า
.
.
.
.
.
.
   กาละครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่เหล่าทวยเทพได้ช่วยกันสร้างโลกใบนี้ มีน้ำ แผ่นดิน และต้นไม้ หลังจากนั้นเหล่าทวยเทพได้สร่างเหล่าสรรพสัตว์และเอล์ฟเพื่อเป็นผู้ที่ดูแลทุกสิ่งบนโลกใบนี้แทนพวกตน ทว่าเทพแห่งความมืดได้สร้างออร์คเพื่อก่อกวนเหล่าทวยเทพ เพราะเทพแห่งความมืดนั้นไม่พอใจที่เหล่าทวยเทพไม่ได้ชักชวนตนในการสร้างโลก หลังจากที่เทพแห่งความมืดได้ส่งออร์คออกไปก่อกวนเหล่าทวยเทพแล้วเหล่าเอล์ฟได้รวมกำลังกันต่อต้านพวกออร์คอย่างเต็มกำลัง จนสามารถต้านกองกำลังของออร์คไว้ได้ในที่สุด  ทว่า เทพแห่งความมืดยังไม่ลดละความพยาบาท จึงสร้างเหล่าออร์คมากขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้น เเละเมื่อลงสู่สมรภูมิเหล่าออร์คกลุ่มใหม่นั้นสรามารถเอาชนะเหล่าเอล์ฟได้อย่างราบคาบ เมื่อเหล่าทวยเทพเห็นความพ่ายแพ้ของเหล่าเอล์ฟจึงรวมตัวปรึกษากันเพื่อหาทางช่วยเหลือเหล่าเอล์ฟที่เหลืออยู่ จงลงมัติกันว่าจะสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่เพื่อช่วยเหลือเหล่าเอล์ฟ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเพราะเหล่าออร์คนั้นได้กระทำการรวบรวมกำลังพลเพื่อที่จะยกทัพมาปราบปรามเหล่าเอล์ฟให้สิ้นซาก จึงทำให้สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่สมบูรณ์และได้ชื่อว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถึงแม้ว่ามนุษย์กับเอล์ฟจะสามารถรวมพลังกันต้านทานกองทัพของออร์คได้ แต่ด้วยจิตใจของมนุษย์นั้นไม่สมบูรณ์ จึงทำให้มนุษย์บางส่วนถูกเทพแห่งความมืดล่อลวงได้โดยง่ายเพื่อให้เป็นปรปักษ์กับเหล่ามนุษย์ด้วยกันร่วมทั้งเหล่าเอล์ฟและทวยเทพด้วย มนุษย์เหล่านั้นได้เข้ารวมกับกองทัพออร์คและทำสงครามกับพวกพ้องของพวกตนเองในอดีต สงครามนั้นยืดเยื้อเป็นเวลานาน ถว่าท่ามกลางกองทัพของออร์คนั้นได้เกิดสงครามภายในขึ้นเมื่อ ออร์คกลุ่มใหม่นั้นได้กระการขับไล้กลุ่มออร์ครุ่นก่อน เนื้องด้วยออร์ครุ่นก่อนนั้นไม่แข็งแกร่งเท่าออร์ครุ่นใหม่ จึงเกิดสงครามภายในขึ้นมาอย่างลับๆ และผลที่ออกมาก็คือเหล่าออร์ครุ่นเก่าพ่ายแพ้ให้แก่เหล่าออร์ครุ่นใหม่และถูกกวาดล้างส่วนพวกที่เหลือได้หลบหนีกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ บางกลุ่มได้เข้าร่วมกลุ่มกับมนุษย์และเอล์ฟเพื่อต้องการที่จะทวงที่อยู่ของพวกตนคืนและล้างแค้นให้กับพวกพ้องของตนเองที่ตายไปเช่นกัน
   สงครามยังดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยปี จนกระทั่งเทพแห่งความมืดได้จากเหล่าพวกออร์คไป พวกออร์คที่เหลือยจึงสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไปในเมื่อนายของตนได้จากไปแล้ว จึงตกลงกันว่าจะขอทำสงครามครั้งสุดท้ายเพื่อให้เป้าหมายของพวกตนสำเร็จตามที่ต้องการ จึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีและบุกตีกองทัพของเหล่ามนุษย์ เอล์ฟ และทวยเทพให้ย้อยยับในคราวเดียว เหล่ามนุษย์ เอล์ฟ ออร์ครุ่นเก่าและทวยเทพ ต่างเข้ารบรากับกองทัพออร์คขนาดมหึมาที่สุดเท่าที่เคยพบมา หลังจากสงครามสงบลงฝ่ายธรรมะได้รับชัยชนะ เหล่าออร์คที่พ่ายแพ้ถูกขับไล่ออกจากแผ่นดินแห่งเมิล์ลิน ส่วนมนุษย์ที่หลงผิดไปเข้ากับฝ่ายศัตรูได้ถูกเหล่าทวยเทพสาปให้กลายเป็นเหล่าอสุรกายและสัตว์ร้ายจนชั่วลูกชั่วหลาน เหล่าออร์คที่เข้ามาเป็นพันธมิตรกับฝ่ายธรรมะเหล่าทวยเทพได้คืนพื้นที่ที่เคยเป็นของตนเองที่ถูกออร์ครุ่นใหม่ยึดไปแล้วคืนให้ และเล่ามนุษย์ที่ร่วมกันกับกองทัพเอล์ฟตั้งแต่ต้นจนจบ เหล่าเทพได้ยกแผ่นดินแห่งเมิล์ลินให้เป็นที่อยู่อาศัยไปจนชั่วลูกชั่วหลาน และเหล่าเอลฟ์ผู้ซื่อสัจของเหล่าเทพ เหล่าเทพได้มอบชีวิตอันยืนยาวให้เป็นของขวัญ และทุกเผ่าพันธุ์ก็ดำรงชีวติกันอย่างมีความสุข และเมื่อวันเวลาผ่านไปอย่างยาวนานเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นตำนานไว้เล่าขานไว้ให้ลูกหลานสืบต่อไป

.
.
.
.
ออร์ค
คือสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ ร่างกายกำยำ มีพละกำลังมาก มีกล้ามเป็นมัดๆ(ทั้งเพศชายและหญิง แต่เพศหญิงจะตัวเล็กกว่าเพศชายเล็กน้อย แต่พละกำลังนั้นไม่ได้ด้วยไปกว่ากันเลย) บางตัวมีเขี้ยวงอกออกมาจากปาก ออร์คจะมีความคิดหรือมันสมองแบบเดียวกำมนุษย(บางตัวอาจจะฉลาดกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ) จริงๆแล้วออร์คแต่กต่างจากยักษ์ คือ ร่างกายจะคล้ายมนุษย์มากกว่ายักษ์และจะมีมันสมองและความคิดไปทางมนุษย์มากกว่ายักษ์ ระบบสังคมของออร์คนั้นจะเหมือนกับมนุษย์คือ มีห้วหน้า รองหัวหน้า และพลเรือน และมักจะให้เกียรติผู้สูงวัยเสมอ เเม้ออร์คจะถนัดเรื่องการต่อสู้กว่ามนุษย์แต่เรื่องงานบ้านก็สามารถทำได้เช่นกัน(บางครั้งอาจดีกว่ามนุษย์) ออร์คมักจะนับถือบรรพบุรุษและวีรบุรุษ(หรือผู้กล้า)(ทั้งยังมีชีวิตและล่วงลับ)รวมถึงเทพเจ้าองค์ต่างๆด้วย แม้ออร์คจะดูหน้าตาไม่เป็นมิตรอยู่บ้างแต่ก็ยังมีออร์คบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสันติ ออร์ค แบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ
1.กลุ่มชอนวู กลุ่มนี้คือ ออร์คยุคแรกที่มีบนโลก มีความสามารถแบบออร์คทั่วไปแต่ชอบอยู่อย่างสันติ และเป็นออร์คกลุ่มเดียวที่สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์หรือเอลฟ์ได้อย่างกลมกลืน เป็นออร์คที่รักสงบในยามปกติ แต่เมื่อไรที่ถูกคุกคาม ออร์กลุ่มนี้จะเข้าตอบโต้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
2.กลุ่มคูซอนล์ กลุ่มนี้คือออร์ครุ่นหลังจาก กลุ่มชอนวู เป็นออร์คที่เกิดมาเพื่อต่อสู้โดยเฉพาะ หลังจากสงครามอันยาวนานได้จบลง ออร์คกลุ่มนี้ได้ถูกขับไล่จนต้องหลบซ้อนอยู่ใต้ดินของดินแดนเมิล์ลิน แต่บางครั้งก็ขึ้นมาสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์แล้วหนีหายลงไปใต้ดิน หรืออย่างร้ายที่สุดคือ ก่อสงครามในหัวเมืองเล็กๆตามแค้วนต่างๆ จนบางครั้งก็ถูกกองทัพของเอลฟ์ขับไล่ก็มี
.
.
.
.
เอลฟ์
คือสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์(ออกจะสง่างามกว่ามนุษย์) หูยาว(แหลม) มีทักษะในการยิงธนูและใช้เวทมนต์และความคล่องตัวสูงกว่ามนุษย์รวมถึงอายุยืนยาวกว่ามนุษย์จนเกือบจะเป็นอมตะ แต่ถ้าหากบาทเจ็บมากๆก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ระบบสังคมของเอลฟ์นั้นก็จะคล้ายกับมนุษย์คือ มีหัวหน้า รองหัวหน้า และพลเรือน เอลฟ์มักนับถือเทพต่างๆรวมถึงมนุษย์ที่มีความกล้าหาญและซื่อสัตย์(ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงลับ) ส่วนใหญ่เอลฟ์จะอาศัยอยู่ตามป่าลึกหรือพื้นที่ที่คนทั่วไม่ค่อยเข้าไปรบกวน
.
.
.
.
มนุษย์
เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีมากที่สุดและกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆเกือบทุกที่บนแผ่นดินในทุกทวีป มักอยู่รวมกันเป็นชุมชนหรือเมือง มีระบบการปกครองแบบชนชั้น ผู้นำ(กษัตย์) รองผู้นำ(ขุนนาง) และพลเมือง มีทักษะในด้านต่างๆโดยเฉพาะการเพาะปลูกและการปศุสัตว์ มีประเพณีเป็นของตนเองในแต่ละท้องที่ ส่วนใหญ่จะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนเกิดเป็นลัทธิต่างๆทั่วแผ่นดิน แต่กระนั้นก็ยังเคารพนับถือเทพองค์ต่างๆ และผู้ที่สูงอายุกว่า โดยปกติมนุษย์เหมือนจะอยู่กันอย่างสงบสุข แตก็ทำสงครามแย่งชิงดินแดนกันเองอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้เพราะมนุษย์นั้นลุ่มหลงในอำนาจ(พลัง)และทรัพย์สินเงินทอง จึงเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันเพื่องช่วงชิงสิ่งเหล่านี้มาอย่างยาวนาน
.
.
.
.
.
นักดาบเร่ร่อน
  ณ.ชายป่าแห่งหนึ่งบริเวณชาญเมือง"คลิมตัส์"แห่งแค้วน"วินเดอร์" รถม้าคันนึงกำลังแล่นผ่านไปตามถนนและกำลังจะถึงทางออกจากป่าอยู่นั้น ได้มีกลุ่มคนออกมาจากข้างทางแล้วเข้ามาขวางหน้ารถม้าคันนั้นเอาไว้เเละเมื่อรถม้าหยุดลงคนกลุ่มนั้นก็ได้ล้อมรถม้าคันนั้นเอาไว้"หยด! นี่คือการปล้น! ส่งของมีค่ามาให้หมด!แล้วอย่าส่งเสียงถ้ายังไม่อยากตาย!!"ชายคนนึงเหมื่อนเป็นหัวหน้าของกลุ่มโจรออกคำสั่ง"จ....ใจเย็นๆนะพ่อหนุ่ม ข้ามีเงินติดตัวมาไม่มาก....แต่ข้าจะให้พ่อหนุ่มเดี๋ยวนี้แหละ....อย่าทำอะไรพวกข้าเลยนะ...."ชายแก่คนขับรถม้าพูดด้วยอาการหวาดกลัว"....แล้วอีกคนบนรถม้าหละ ลงมาเดี๋ยวนี้!!"หัวหน้าโจรออกคำสั่งอีกครั้ง ครู่ต่อมาได้มีหญิงสาวคนนึงลงมาจากรถม้า"....เรามาแล้ว...."หญิงสาวพูด"ดูนี่สิด็กๆ! ดูท่าว่าวันนี้เราจะดวงดี ได้พวกชนชั้นมาด้วสิ!!"หัวหน้าโจรพูดกับลูกน้อง"จริงด้วยลูกพี่!"ลูกน้องคนสนิดตอบกลับ"ย...อย่าทำอะไรคุณหนูของข้าเลยนะ ข้าขอร้อง ถ้าคุณหนูข้าเป็นอะไรหละก็ ข้าคงถูกตัดหัวแน่ๆ!!"ชายแก่ขอร้องต่อหัวห้ากลุ่มโจร"....ได้สิไอ้แก่! ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะนำของทั้งหมดมาให้ข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทั้งสองคนออกไปโดยที่จะไม่ทำอะไรพวกเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ...."หัวหน้าโจรพูด"ด....ได้! ข้าจะไปหยิบให้เดี๋ยวนี้แหละ....."ชายแก่พูดด้วยอาการลนลานและเดินไปหยิบของมีค่าทั้งหมดออกมาให้กับหัวหน้าโจร พลันมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาจากด้านหลังของกลุมโจร"....รังแกคนแก่รึ ทุเรศ!"ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากที่จัดการกับพวกลูกสมุนของหัวหน้าโจรไปแล้วจำนวนหนึ่ง"เจ้า! นี่เจ้ากล้าเข้ามาขวางพวกข้างั้นหรือ?!"หัวหน้าโจรพูดกับชายหนุ่มที่เข้ามาขัดขวางการปล้นของตน"ก็เอ่อสิวะ! แล้วข้าก็จะจับตัวพวกเจ้าทุกคนส่งทางการณ์ด้วย!"ชายหนุ่มพูดอย่างไม่เกงกลัว"เจ้านี่โอหังจริงนะ เจ้าเพียงแค่คนเดียวจะสู้กับพวกข้าสิบคนได้น่ะห๋า!!"หัวหน้าโจรพูดอย่างเย้ยหยัน"....ใครบอกว่าพวกเจ้ามีสิบคนน่ะ ดูซะให้ดีๆ ข้าจัดการไปแล้วห้า ก็เหลือพวกเจ้าที่ยังยืนอยู่อีกห้าไม่ใช่หรอ?"ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้านิ่งๆพร้อมกับขยับดาบในมือแล้วเข้าจู่โจมเหล่าโจรที่เหลืออย่างรวดเร็ว"อ...อะไรกัน!? นี่มันมีแค่คนเดียวจริงๆรึ?!"หัวหน้าโจนพูดเมื่อเห็นเหล่าลูกน้องที่เหลือถูกจัดการอย่างรวดเร็ว"ลูกพี่ดูนั่นสิ เจ้านั่นยังไม่ได้ปลดดาบออกจาฝัดเลยนะลูกพี่!!!"ลูกน้อคนสิดพูดกับหัวหน้าของตนด้วยอาการหวั่นๆ"จ....เจ้าเป็นใครกันแน่?! นักล่าค่าหันหรือ?! หรือว่ามือปราบ?!"หัวหน้าโจรพูดพร้อมกับชี้มืออันสั่นเทาไปที่ชายหนุ่ม"....ข้าเป็นแค่นักดาบเร่ร่อนธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นแหละ...."ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะเข้าไปจัดการกับหัวหน้าโจรกับลูกน้องที่เหลือจนหมด
   "....ต้องขอบใจพ่อหนุ่มจริงๆ ที่มาช่วยพวกเราเอาไว้..."ชายแก่กล่าวขอบคุณแก่ชายหนุ่ม หลังจากที่ชายหนุ่มได้จัดการกับเหล่าโจรได้หมดลงแล้ว"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ว่าแต่ลุงกับคุณหนูของลุงไม่เป็นไรนะ?"ชายหนุ่มถามชายแก่กลับไป"พวกเราไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าหากพ่อหนุ่มมาช้ากว่านี้พวกเราอาจจะแย่ไปแล้วก็ได้!"ชายแก่พูด"แล้วท่านจะทำอย่างไรกับคนพวกนี้กันหรือคะ...?"หญิงสาวถามชายหนุ่ม"ข้าจะพาตัวพวกนี้ไปส่งทางการณ์ที่ป้อมของทหารตรวจการณ์ที่อยู่ใกล้ๆนี่แหละครับคุณหนู"ชายหนุ่มตอบ"....ถ้าอย่างนั้น ให้พวกเราช่วยพาพ่อหนุ่มไปส่งที่ป้อมตรวจการณ์นั้นดีกว่านะ ถือซะว่าเป็นการตอบแทน...."ชายแก่เสนอ"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ป้อมตรวจการณ์อยู่ใกล้แค่นี้เองเดินไม่ถึงชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว อีกอย่างนะลุง....นี่ก็ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ถ้าลุงยังไม่รีบเข้าเมืองหละก็อาจจะเจอเรื่องแบบนี้อีกก็ได้นะครับ...."ชายหนุ่มพูดอย่างมีเหตุผล เมื่อชายแก่ได้ยินดังนั้นก็ได้หันไปมองหน้าของหญิงสาวแล้วหันกลับมาที่ชายหนุ่มก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่"....จริงของเจ้า ถ้าอย่างนั้นพวกเราทั้งสองคนต้องขอลาพ่อหรนุ่มไปตรงนี้แล้วล่ะ...."ชายแก่พูดด้วยสีหน้าผิดหวัง"ครับลุง ขอให้โชคดีนะครับ"ชายหนุ่มกล่าวอำลา"ท่านเองก็ระวังตัวด้วยนะคะ แล้วก็ขอให้ท่าโชคดีเช่นกันค่ะ..."หญิงสาวพูดกับชายหนุ่มก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้บรถม้าแล้วชายแก่ก็ได้ขับรถม้าจากไปจนลับตา
    หลังจากที่ชายแก่จากไปแล้วนั้น ชายหนุ่มได้ใช้เชือกที่พวกโจรพกตัดตัวมาด้วยนั้นมัดพวกโจรเอาไว้ และในขณะที่ชายหนุ่มกำลังวุ่นอยู่นั้นก็ได้มีกองทหารตรวจการณ์ผ่านมาพอดี ชายหนุ่มจึงเล่าเรืองทุกอย่างให่กับทหารกลุ่มนั้นได้ฟัง และพวกทหรารเองนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใดๆออกจากปากของทหารเหล่านั้นเลย หลังจากที่ส่งตัวโจรกลุ่มนั้นให้กับทหารตรวจการณ์แล้วชายหนุ่มได้รับเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจตอบแทนจากพวกทหารตรวจการณ์ก่อนที่ทหารกลุ่มนั้นจะจากไปและชายหนุ่มได้ออกเดินทางต่อไป"....ฟ้าเริ่มมืดแล้วสิ...จะทันมั้ยนะ?"ชายหนุ่มบ่นพึมพัมพร้อมกับเดินเร็วขึ้นและมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงเป็นระยะๆ"อ้าว พ่อหนุ่ม! จะรีบเดินไปไหนกัน?"เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างทาง และเมื่อเขาหันไปดูก็พบกับชายแก่คนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อครู่"อ้าวลุง! ยังไม่ได้เข้าเมืองอีกหริอครับ?"ชายหนุ่มร้องถามชายแก่"อ๋อ พอดีเมื่อครู่ ข้าทำสำภาระตกรถน่ะ เลยต้องจอดเก็บ..."ชายแก่พูดกับชายหนุ่ม"....ให้ข้าช่วยไหม?"ชายหนุ่มออกปากอาสาช่วยชายแก่เก็บสำภาระที่ตกอยู่บนพื้น"ไม่ต้องหรอก เหลือแค่กล่องนี้กล่องเดียวเอา ว่าแต่ดูท่าว่าเจ้าเองก็จะไปในเมืองนี้เหมือนกันสินะ?"ชายแก่ถามชายหนุ่ม"ครับลุง พอดีข้ามีธุระที่ต้องเข้าไปทำในเมืองนี้น่ะครับ..."ชายหนุ่มตอบ"แบบนั้นก็ดีเลย! ถ้าอย่างนั้น ข้าจะขอไปส่งเจ้าจนถึงที่หมายเลยล่ะกัน ถือซะว่าเป็นการตอบแทน..."ชายแก่พูด"....จะดีรึ?"ชายหนุ่มถามกลับด้วยความเกรงใจ"ดีสิ! นี่ยังน้อยไปซะด้วยซ้ำที่เจ้าอุส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยข้ากับคุณหนูเอาไว้..."ชายแก่ยืนยันหนักแน่น"....ก็ได้ แต่ข้าขอนั่งข้างๆลุงนะครับ"ชายหนุ่มตอบตกลงพร้อมกับยื่นข้อเสนอ"ท...ทำไมหละคะ? แต่เราอยากให้ท่านขึ้นมานั้งด้านในนะคะ?"หญิงสาวพูด"ขอบคุณมากครับคุณหนู แต่ข้ามันคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า แบบนั้นมันไม่เหมาะหรอกครับ...."ชายหนุ่มบอกเหตุผล"ต...แต่ว่า?!"หญิงสาวพยายามพูดเชิงอ้อนวอน"ถ้าแบบนั้น ข้าจะไม่ไปกับพวกท่าน!"ชายหนุ่มยื่นคำขาด ทำให้ทั้งสองคนไม่กล้าขัดจึงต้องจำยอมให้ชายหนุ่มนั่งตรงพลขับกับชายแก่สองคน
    ".....ว่าไงหละพ่อหน่ม เจ้าชื่ออะไรหรือ? ....แล้วเจ้ามาทำอะไรที่เมืองนี้?"ชายแก่ถามชายหนุ่มในขณะที่ตนกำลังขับรถม้าไปตามทาง"ข้าชื่ออัคคี มาที่เมืองนี้ตามคำเชิญชวนของเพื่อนข้าคนนึงน่ะครับลุง"ชายหนุ่มตอบ"....แล้วเพื่อนของเจ้าชื่ออะไรรึ?"ชายแก่ถาม"โนว์วา เคโนว์ครับลุง"ชายหนุ่มตอบ"แล้วเขาชวนเจ้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรรึ? พอจะถามได้ไหม....?"ชายแก่ถามอีกครั้ง"....เห็นบอกว่ากำลังจะเปิดร้านอาหารใหม่น่ะครับลุง เลยส่งจดหมายเชิญไปที่เมืองจาบัญ ที่ข้าพักอยู่เพื่อให้ข้ามาที่นี่ในวันนี้"อัคคีตอบอย่างระเอียด"....ที่เจ้าช่วยพวกเราเอาไว้น่ะต้องขอบใจมากๆเลยนะ ว่าแต่ไปฝึกมาจากไหนกันรึ?"ชายแก่ถาม"....พอดีข้าเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อนน่ะครับ แต่ตอนนี้ข้าถอนตัวแล้ว..."ชายหนุ่มตอบพรางหัวเราะเบาๆ"เจ้าเคยอยู่กองทัพไหนรึ?"ชายแก่ถามอีกครั้ง"กองทัพสิงโตทองครับ"ชายหนุ่มตอบ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันเรื่องสับเพเหระกันต่อโดยมีหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านในคอยแอบฟังอยู่ ต่อมาครู่หนึ่ง รถม้าได้มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองและเเล่นไปตามถนนจนมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่แห่งนึ่ง"....เราคงต้องจากกันจริงๆตรงนี้แล้วหละนะ..."ชายแก่พูด"ขอคุณท่านทั้งสองคนมากๆนะครับ ที่มาส่งข้าถึงที่...."อัคคีกล่าวคำขอบคุณชายแก่กับหญิงสาว"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่ท่านช่วยชีวิตเราสองคนเอาไว้ หากท่านไม่ช่วยเรากับท่านก็คงไม่ได้พบกันหรกค่ะ...."หญิงสาวพูด"....ยังไงซะหากเจ้ายังอยู่ที่เมืองนี้ เราก็คงได้เจอกันอีกนะ...."ชายแก่พูดกับอัคคี"....ครับลุง"อัคคีรับปากก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้นบนรถม้าแล้วค่อยๆขับออกไปจนลับตา
.
.
.
เหล่าสหายผู้กล้า
"ขอโทษทีที่ข้ามาช้า....! ยังทันอยู่ไหม?"อัคคีพูดขึ้นหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในโรงเตี๊ยม"อืมห์....เส้นยาแดงฝ่าแปดเลย แต่ก็ยังทันอยู่นะข้าว่า..."ชายคนนึงที่นั่งอยู่บนโต๊ะพูดกับอัคคี"ช้าจริงๆเลยนะเจ้า! หลงทางหรือไงกัน?!"หญิงสาวที่นั่งอยู่บริเวณนั้นพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย"....เออ ใช่ ข้าหลงทาง...."อัคคีตอบ พอหญิงสาวได้ยินอัคคีตอบแบบนั้นก็ยิ่งโกรธจนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ต้องเข้ามาห้ามเอาไว้"....เออ นี่ ในจดหมายบอกว่าแค่ร้านอาหารไม่ใช่หรอ? ไหง กลายเป็นแบบนี้ล่ะ เคโนว์?"อัคคีถามชายหนุ่ม"....ตอนแรกน่ะ ข้าก็คิดแบบนั้น พอข้ามาคิดดูอีกที....เลยตัดสินใจสร้างโรงเตี๊ยมนี่ซะเลย ไหนๆเมืองนี้ก็ไม่ค่อยจะมีโรงเตี๊ยมราคาถูกๆให้พวกนักเดินทางอยู่ด้วย..."เคโนว์ตอบ"....แล้วเจ้าหล่ะ แจงจีร่า?"อัคคีถามหญิงสาว"....ข้าก็กลับไปสร้างสถานพยาบาลกับโรงเรียนที่หมู่บ้านแคป์มี่มาน่ะสิถามได้ ว่าแต่เจ้าเถอะ หลังจากแยกกันตอนนั้น เจ้าไปทำอะไร?"แจงจีร่าถามอัคคีกลับ".....ก็กลับไปบ้านเก่าของข้ามาน่ะสิ ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอ?"
อัคคีตอบกลับแบบห่วนๆ"พี่อัคคี! พี่อัคคีมาแล้ว!?"เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นสองแล้วกระโดเข้าไปกอดอัคคี"ไม่ได้เจอกันตั้งสามปี โตขึ้นมากนะดีดี๊...."อัคคีพูดกับเด็กสาว"พี่อัคคี คราวนี้พี่อัคคีมีนิทานเรื่องใหม่มาฝากดีดี๊ไหมคะ?!"ดีดี๊ถามอัคคี"....เรื่องน่ะมี แต่เจ้าจะชอบหรือเปล่านี่แหละ...."อัคคีพูด"ไม่ว่าเรื่องไหน ดีดี๊ก็ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ!"ดีดี๊พูด"....เอาหละๆ ไหนๆทุกคนก็มากันครบแล้ว ข้า ในฐานะเจ้าภาพและผู้เทียบเชิญ ข้าขอเริ่มงานเลี้ยงฉลองร้านใหม่ของข้า ณ.บัดนี้! เอ้าทุกคน ฉลอง!!"เคโนว์บอกกับทุกคน"ฉลอง!!"ทุกคุณที่อยู่ ณ.ที่แห่งนั้นพูดพร้อมกันพร้อมกับยกแก้วชูขึ้นพร้อมกัน
.
.
.
นักรบรับจ้าง
    หลังจากที่ทุกคนเลี้ยงฉลองกันจนเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันกลับไปยังห้องพักของตนเองตามที่เคโนว์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้กันหมดแล้วนั้นเหลือเพียงเคโนว์กับอัคคีสองคนเท่านั้น".....เออนี่ อัคคี จำได้ว่าตอนนั้นเจ้าบอกว่าจะกลับบ้านเกิดนี่นะ เป็นยังไรบ้าง?"เคโนว์ถามอัคคี"ก็.....นะ..."อัคคีตอบ"หมายความว่ายังไง?"เคโนว์ถามอัคคีกลับ"....จักรา ไม่ใช่ที่ของข้าอีกต่อไปแล้ว...."อัคคีตอบเคโนว์ด้วยสีหน้าเศร้าๆ"ม...หมายความว่าไง!? พวกนั้นไม่ยอมรับเจ้า แล้วขับไล่เจ้าออกมาอย่างนั้นรึ!!?"เคโนว์พูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด"....เอาน่า ไม่เห็นต้องมาตกใจขนาดนั้นเลยนี่..."อัคคีพูดกับเคโนว์"จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงวะ! ก็ในเมื่อ...."เคโนว์พูด"เออ....ตามกฏแล้วข้าควรถูกลงโทษหนักถึงชีวิตแล้วด้วยซ้ำ โทษฐานที่ไม่สามารถปกป้องแม่ทัพดอกเหมยเอาไว้ให้ได้ แต่ความดีความชอบที่ช่วยจบสงครามกับราชาคอล์ก้าก็มีส่วนอยู่บ้าง ข้าถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ได้นี่ไงล่ะ....."อัคคีอธิบายเหตุผลให้เคโนว์ฟัง".....อย่างนั้นเองหรือ"เคโนว์พูดอย่างสลด"....ถึงจะไม่มีที่ไป แต่อย่างน้อย ข้าว่ามันก็ดีกว่าตายแบบไร้ประโยชน์...."อัคคีพูดอย่างปลงตก"....ใช่ จริงข้องเจ้า...."เคโนว์เองก็ปลงเช่นเดียวกับอัคคีและทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะนึง"....เออนี่อัคคี ตรงนั้นไม่ต้องกวาดแล้ว ที่เหลือข้าทำเอง เอ้านี่กุญแจห้องพักของเจ้า ข้ายกให้..."เคโนว์พูดกับอัคคีพร้อมกับส่งกุญแจห้องให้"ขอบใจ ว่าแต่จะดีหรือ?"อัคคีพูด"เอาเถอะน่า ข้าเป็นเจ้าของบ้าน ให้แขกมาช่วยทำทั้งหมดแบบนี้มันยังไงอยู่นา"เคโนว์พูด"ถ้างั้น ข้าไม่เกรงใจหละนะ"อัคคีพูดจบแล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นสองไปปล่อยให้เคโนว์ทำความสะอาดอยู่เพียงคนเดียว ในขณะที่เคโนว์กำลังทำความสะอาดอยู่นั้นเองได้มีบุคคลปริศนาใส่ชุดคลุมหน้าเดินเข้ามาในร้าน"เออ ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้ร้านเรายังไม่เปิดให้บริการครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ..."เคโนว์บอกกับบุคคลปริศนา"....ร้านของท่านดูดีมากเลยนะคะ"บุคคลปริศนาพูดกับเคโนว์แล้วค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าออก"ท่านเซย์ซิเรีย!?"เคโนว์อุทานขึ้น"ใช่แล้วค่ะ เราเอง"หญิงสาวพูด"ท....ท่านเซย์ซิเรีย มีธุระอะไรหรือครับ ถึงได้มาหาข้าได้..."เคโนว์พูดกับเซย์ซิเรียด้วยอาการตืนเต้น"....ไม่เห็นจะต้องวิตกขนาดนั้นเรานี่คะ? เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือคะ?"เซย์ซิเรียพูดกับเคโนว์"....ขอโทษด้วยจริงๆครับ ไม่ทราบว่า ท่านมีธุระอะไรหรือครับ ถึงได้มาหาข้าตอนนี้"เคโนว์ถามเซย์ซิเรีย"เราเพียงแค่ต้องการอยากจะทราบเรื่องราวของใครคนนึงที่เป็นสหายของท่าน ที่ชื่อว่าอัคคีน่ะค่ะ..."เซย์ซิเรียพูดกับเคโนว์"ท่านรู้จักอัคคีด้วยหรือครับ?"เคโนว์ถามเซย์ซิเรีย"ใช่ค่ะ เราพบเขาระหว่างทาง"เซย์ซิเรียพูดและเล่าเรื่องทั้งหมดให้เคโนว์ฟัง"...เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วท่านต้องการจะทราบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเขาหรือครับ?"เคโนว์ถามเซย์ซิเรียอีกครั้ง"...ทุกอย่างที่ท่านรู้เกี่ยวกับเขาน่ะค่ะ!"เซย์ซิเรียตอบ"....อัคคี เขาเป็นชาวไซย์เที่ยมจากดินแดนตะวันออกไกล ครอบครัวของเขาเป็นช่างทำอาวุธประจำกลุ่มจักรา แต่ครอบครัวของเขาถูกออร์คกวาดล้าง แต่เขารอดชีวิตมาได้ด้วยการเสียสละชีวิตของพ่อแม่ของเขา และเขาถูกช่วยเหลือด้วยกองกำลังทหารรับจ้างกองทัพหมาป่า ที่บังเอิญอยู่บริเวณใกล้ๆตรงนั้นพอดี นับแต่นั้นมา เขาก็ฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อว่า วันหนึ่งเขาอาจจะได้แก้แค้นกับออร์คกลุ่มนั้นให้จงได้ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้ากองทัพทหารรับจ้างหมาป่าในที่สุด และได้รวมเข้ากับองค์กรทหารรับจ้าง กองทัพสิงโตทองในภายหลังและสร้างความดีความชอบมากมายให้กับองค์กรและผู้จ้างวานไว้มากมายจนกระทั่งเขาได้พบกับออร์คกลุ่มนั้นอีกครั้งหนึ่ง และที่นั่งเขาก็ได้พบกับชาวไซย์เที่ยมเช่นเดียวกันกับเขาอีกครั้งหนึ่ง และได้ร่วมมือกันเอาชนะกองทัพออร์คที่นำโดยราชาคอล์ก้าได้สำเร็จ จนสี่แม่ทัพใหญ่ของสี่แคว้นสัมพันธ์มิตรตั้งสมยานมให้เขาว่า หมาป่าอัคคี แต่ทว่าตัวเขาเองกลับไม่สามารถปกป้องแม่ทัพดอกเหมย ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่หมั่นของตัวเองเอาไว้ได้ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนตัวออกมาจากกองทัพและเดินทางไปยังป้อมปราการร้างชเวลา และพวกเราก็ได้พบเขาที่นั่น ตอนแรกเขาบอกแค่ชื่อของตัวเอง และก็บอกว่ามาตามหาคนเท่านั้นเอง หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปในป้อมปราการนั้น ข้าเองก็....อดทึ่งไม่ได้เมื่อได้เห็นฝีมือของเขา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เราต้องการกุญแจแต่มันถูกรักษาเอาไว้โดยยักษ์ตาเดียว ซึ่งเขาเองเป็นคนที่ฝ่าเข้าไปหยิบเอากุญแจมาได้แต่ก็บาดเจ็บสาหัสมาก แต่ก็ได้แจงจีร่ากับดีดี๊ช่วยกันรักษาเขาถึงรอดมาได้ พอเขาฟื้นสติเขาก็ยอมเล่าเรื่องของเขาให้พวกเราฟัง อ๋อ....ก็เรื่องที่ข้าเล่าไว้ในตอนต้นเมื่อครู่นี้น่ะครับ หลังจากที่พวกเรายึดป้อมปราการได้สำเร็จ ตัวเขาก็แยกทางออกไปบอกว่าจะกลับไปบ้านเกิดตามคำขอสุดท้ายของคู่หมั่นของเขา หลังจากนั้นข้าก็ไม่ได้ยินเรื่องของเขาอีกเลยจนกระทั่งเมื่อครู่นี้ เขาพูดว่าทุกคนที่นั่นไม่ยอมรับเขาอีกแล้ว ตอนนี้ก็เท่ากับว่า เขาได้กลายมาเป็นคนเร่ร่อนไร้แผ่นดินอยู่ไปแล้ว อาจจะฟังดูเหมือนกับละครบางเรื่อง แต่ก็นี่แหละครับ ชีวิต ข้าไม่รู้ว่าท่านจะทันสังเกตไหม ว่าที่ข้อมือซ้ายของเขาจะมีกำไรที่ถักจากเส้นผมของอดีตคู่หมั่นที่เสียไปของเขาน่ะครับ เขามักจะพกเอาไว้ติดตัวเสมอ เสมือนเป็นเครื่องรางและเครื่องเตือนความจำ ว่าครั้งหนึ่งว่าครั้งหนึ่ง ตัวเองเป็นใคร และมาจากไหน..... เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ..."เคโนว์พูด".....เท่านี้ก็ช่วยได้มากกว่าที่เราคาดหวังเอาไว้ซะอีกนะคะ"เซย์ซิเรียพูดกับเคโนว์ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปและหยุดอยู่ที่หน้าประตู"....คืนนี้เราสนุกมาก ขอบคุณมากนะคะที่เลี้ยงดู แล้วก็... ยินดีด้วยกับร้านใหม่นะคะ!"เซย์ซิเรียพูดก่อนที่จะขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ด้านหน้า เมื่อเซย์ซิเรียกลับไปแล้วเคโนว์ก็กลับมาทำความสะอาดร้านของเขาต่อจนเสร็จเรียบร้อยและเดินกลับสู่ห้องพักของตน"....วันพรุ่งนี้ต้องมีเรื่องสนุกๆแน่ๆเลย"เคโนว์พูดขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง
.
.
.
ผู้คุ้มกันรับจ้าง กับ ดาบบนแท่น
เช้าวันต่อมา ขณะที่อัคคีกำลังช่วยงานเคโนว์อยู่ด้านหลังของโรงเตี๊ยมอยู่นั้นเอง"เฮ้ยอัคคี! มีคนมาหา!"เสียงของเคโนว์เรียกอัคคีดังขึ้น และเมื่อเขาหันไปมองก็พบกับเคโนว์ที่กำลังเดินมาหาและยังมีคนอีกหนึ่งคนเดินตามหลังเคโนว์มาด้วยซึ่งเขาจำได้"อ้าว คุณหนูนั่นเอง!"อัคคีพูด"....เรื่องเมื่อวานนี้ เราต้องขอบคุณท่านด้วยจริงๆนะคะ หากไม่ได้ท่านช่วยเอาไว้พวกเราคงแย่...."เซย์ซิเรียพูด"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนู ข้าแค่ทำตามสามัญสำนึก....ว่าแต่คุณหนูมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ที่มาหาข้าที่นี่?..."อัคคีถามเซย์ซิเรีย"คือ....เราอยากจะให้ท่านช่วยมาเป็นผู้คุ่มกันให้กับเราหน่อยจะได้หรือไม่คะ?"เซย์ซิเรียตอบ อัคคีได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองหน้าเคโนว์ ทางเคโนว์เองก็บอกอัคคีเป็นนัยๆ"....ก็ได้ครับคุณหนู จะเริ่มงานเมื่อไรครับ?"อัคคีตอบตกลงพร้อมกับถามเซย์ซิเรียกลับ"....เมื่อท่านพร้อมค่ะ!"เซย์เซิเรียตอบแถบจะในทันที เมื่อได้ยินดังนั้นอัคคีจึงวางงานที่กำลังทำลงและเดินหายเข้าไปในโรงเตี๊ยม"ท่านว่า....เขาจะรู้ไหมคะว่าจริงๆแล้ว เราเป็นใคร...."เซย์ซิเรียถามเคโนว์"อื่มมมห์......เรื่องนั้น ข้าตอบท่านไม่ได้หรอกครับ เขาจะรู้หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับเวลาหล่ะมั้งครับ"เคโนว์ตอบเซย์ซิเรียพรางถอนหายใจ ครู่ต่อมาอัคคีได้เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม"....อัคคี สักยะ ขอรับใช้ท่าน!"อัคคีพูดพร้อมทำความเคารพต่อเซซิเรีย"เอ๋....?เอ่อ....?เซย์ซิเรีย โซวาเทีย ยินดีค่ะ?!"เซย์ซิเรียตอบรับอย่างไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นทั้งสามคนได้เดินออกจากโรงเตี๊ยมตรงไปยังลานกว้างของเมืองที่มีคนชุมนุมกันอยู่อย่างมากมาย"อะไรกันเนี้ยคนพวกนี้! นี่เขามามุงอะไรกันรึ?"อัคคีถามเคโนว์"ก็พิธีกรรมดึงดาบศักดิสิธิ์ไง เจ้าเห็นแท่นหินบนนั้นไหม นั่นแหละที่วางดาบศักดิสิธิ์หละ!!"เคโนว์ตอบพร้อมกับอธิบายให้อัคคีฟัง"....ที่ทำอย่างนี้เพราะราชาโพเซย์ต้องการที่จะหาคู่ครองให้กับองค์หญิงน่ะสิคะ...แต่เราไม่เห็นมันจะดีตรงไหนเลยนี่สิคะ..."เซย์ซิเรียพูด"ทำไมหรือครับคุณหนู?"อัคคีถามเซย์ซิเรีย"ก....ก็ถ้าหากว่าคนที่ได้รับเลือกแล้วแต่กลับไม่มีความรักให้แก่กันนี่สิคะ เราเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เราเข้าใจความรู้สึกนั้นดีค่ะ....!"เซย์ซิเรียพูดเชิงตัดบท"ไม่ผ่าน!! คนต่อไป!!!"เสียงคนประกาศบนแท่นวางดาบศักดิสิธิ์ดังขึ้น"ไหนๆเจ้าก็มาถึงตรงนี้แล้ว ลองขึ้นไปสักหน่อยสิ จะได้ไม่เสียเที่ยว!"เคโนว์พูดพร้อมกับพลักอัคคีออกไปด้านหน้าตรงบันไดขึ้นแท่นพอดี".....ก็ได้วะ..."อัคคีพูดอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไรนัก หลังจากนั้นเขาได้เดินตรงไปที่ดาบศักดิสิธิ์ก่อนที่จะจับด้ามดาบแล้วออกแรงดึงอย่างสุดกำลังแต่"ไม่ผ่าน!! คนต่อไป!!!!"เสียคนประกาศดังขึ้น หลังจากนั้นอัคคีได้เดินลงมาและเห็นเคโนว์กำลังหัวเราะอยู่เบาๆ"...นี่คิดอะไรอยู่วะ?"อัคคีถามเคโนว์"เปล่า...ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าจะทำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง...."เคโนว์พูดและกลับมาขำอัคคีต่อ หลังจากนั้นทั้งหมดได้เดินออกมาห่างจากลานกว้างและนั่งดูการแสดงของคณะละครกันต่อจนถึงเวลาค่ำ"คุณหนู ค่ำแล้วครับ"เคโนว์พูดกับเซย์ซิเรีย"....นั่นสิคะ เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถอะค่ะ...."เซย์ซิเรียพูด และทั้งหมดก็เดินทางกลับมายังโรงเตี๊ยมของเคโนว์ ซึ่งตอนนี้มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่"อ้าว ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม สะบายดีนะ?"เสียงชายแก่พูดทักทายอัคคี"ครับลุง สะบายดีครับ"อัคคีตอบชายแก่กลับ"...วันนี้เราสนุกมากค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...."เซย์ซิเรียพูดก่อนที่จะขึ้นรถม้า และชายแก่ก็ค่อยๆขับรถม้าจากไปจนลับตา 
หลังจากที่เซย์ซิเรียจากไปแล้ว เคโนว์กับอัคคีก็ได้กลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม"....นึกว่าเจ้าจะทำได้ซะอีกนะ..."จู่ๆเคโนว์ก็พูดขึ้น"หือม์...? อะไร? หมายถึงดาบนั่นน่ะหรือ?"อัคคีถาม"ก็ใช่น่ะสิ! คิดว่าคนเก่งๆอย่างเจ้าจะดึงมันออกมาได้ซะอีก!?"เคโนว์พูด"....พูดบ้าๆ ของแบบนั้นใช่ว่าจะใช้กันได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นยอดฝีมือมาจากไหน มีพละกำลังมากแค่ไหน ถ้าไม่ตรงตามเงื่อนไข ของแบบนั้นก็ไร้ประโยชน์"อัคคีพูดขึ้น"หมายความว่าไง?"เคโนว์ถามอัคคีกลับอย่างสงสัย"ดาบเล่มน่ะ เป็นดาบศักดิสิธิ์น่ะใช่ แต่มันต่างตรงที่มันสามารถที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันตามความต้องการของผู้ที่ถือมันอยู่ได้ยังไงหละ พวกเราเรียกมันว่า อาวุธแปลงร่าง!"อัคคีตอบพร้อมกับอธิบาย"ห๋า?! อาวุธแปลงร่างอย่างนั้นหรือ?!"เคโนว์อุทานด้วยความสงสัย"....ใช่ แต่การที่จะใช้มันได้นั้นจำเป็นต้องมีเงื่อนไข ถึงจะใช้ได้"อัคคีพูดต่อ"เงื่อนไข??"เคโนว์สงสัย"เงื่อนไขที่ผู้สร้างอาวุธนั้นๆตั้งเอาไว้เพื่อใช้งานแบบเฉพาะเจาะจง..."อัคคีพูด"....เงื่อนไขเฉพาะเจาะจง...? ยกตัวอย่างเช่น.....?"เคโนว์พูดขึ้นในขณะที่คิดตามคำพูดของอัคคี"....ยกตัวอย่างเช่น ดาบของจักรพรรดิแห่งฮาราน ต้องเป็นผู้ที่สืบทอดสายเลือดโดยตรงของเชื้อยสายของราชาฮารานรุ่นแรกโดยตรงเท่านั้นถึงจะใช้ได้ หรือ ดาบใบโตของราชาบาบาร์เรี่ยน ต้องเป็นผู้ที่มีความกล้าและมุ่งหมั่นมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปถึงจะใช้ได้....จริงๆแล้วยังมีอีกนะ แต่รวมๆและเงื่อนไขการใช้ก็ประมาณนี้..."อัคคีอธิบาย"อื่มมห์ เหมือนจะพอเข้าใจอยู่บ้างล่ะนะ...... ว่าแต่ไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหน?"เคโนว์ถาม"อ้าว....ก็พ่อของข้าเป็นช่างทำอาวุธประจำกลุ่มจักรานะ ข้าเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่าง......"อัคคีพูดและหยุดไปเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่"อีกอย่าง? อะไรหรือ?"เคโนว์ถามอัคคีอย่างสงสัย"....พอดีลืมไปแล้วว่ะ ว่าจะพูดอะไรต่อ...."อัคคีพูด"อ้าว...เอ่อ ช่างเหอะ เจ้ามันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่เนอะ งั้นเราสองคนแยกกันไปอาบน้ำนอนกันดีกว่า ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกเราตื่นสายกันแน่ๆ...."เคโนว์พูด"....นั่นสิ ไม่งั้นสองคนนั้นอดกินข้าวเช้ากันแน่ๆเลย งั้นก็ตามนั้นเลยหล่ะกัน...."อัคคีพูดก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายไปยังห้องพักของตน".....ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ว่านะ...."อัคคีบ่นงึมงัมขณะที่เดินกลับไปยังห้องพัก
.
.
.

อมนุษย์
วันต่อมา เซย์ซิเรียมาที่โรงเตี๊ยและได้ชวนอัคคีไปที่ทะเลสาบแห่งหนึ่งใกล้ๆกับเมือง โดยในวันนี้ เคโนว์ไม่ได้มาด้วยเพราะยุ่งอยู่กับงานภายในร้าน"อื่มมมห์....วันนี้อากาศดีจังเลยนะคะ..."เซย์ซิเรียพูด"ครับคุณหนู"อัคคีเสริม"...ว่าแต่...ท่านอัคคีจะอยู่ที่เมืองนี้นานเท่าไรหรือคะ?"เซย์ซิเรียถาม"...ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน แต่ยังไงๆข้าก็ไปจากเมืองนี้สักวันนึง เพื่อหาที่สำหรับที่ข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของข้าต่อไปน่ะครับคุณหนู"อัคคีตอบกลับ"แล้ว....ท่านคิดว่าเมืองนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ?"เซย์ซิเรียถามต่อ"เป็นเมืองที่ดีนะครับ ดูทุกคนในเมืองมีความสุขกันทุกคนเลยนะครับ นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นแบบนี้..."อัคคีตอบ"ถ้าอย่างนั้น ท่านก็อยู่ที่เมืองนี้เลยสิคะ อีกอย่างหนึ่ง หากท่านไปแล้ว....เราคงเหงาน่าดู..."เซย์ซิเรียพูดเชิงอ้อนวอน ทางด้านอัคคีเองก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ทำท่าเหมือนกำลังใช้ความคิด"....เออคือ เราขอดูดาบของท่านหน่อยจะได้มั้ยคะ? เพราะจากเท่าที่เราเห็นแล้ว รูปทรงดาบแบบนี้เรายังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย..."เซย์ซิเรียพูด อัคคีได้ฟังแล้วจึงหยิบดาบที่พกติดตัวมาด้วยส่งให้กับเซย์ซิเรีย"ถือระวังๆหน่อยนะครับคุณหนู เดี่ยวจะถูกบาทเอา..."อัคคีพูดก่อนที่เซย์ซิเรียจะรับดาบในมือ เมื่อเซย์ซิเรียรับดาบไปแล้วทำการดึงดาบออกจากฝักและพิจารณาดาบเล่มนั้นอย่างละเอียด".....เป็นดาบที่สวยงามมากเลยค่ะ...!"เซย์ซิเรียพูดหลังจากที่พิจารณาดาบเล่มนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว"....ครับ นั่นเป็นดาบเล่มสุดท้ายที่พ่อของข้าตีขึ้น ชื่อว่า ดาบเก็บตะวัน เป็นดาบที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อข้าเคยตีขึ้น เขาตีมันขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญ เป็นหนึ่งในสองสิ่งที่สำคัญที่สุดของข้าที่มีอยู่ในตอนนี้.."อัคคีพูด"หนึ่งในสองหรือค่ะ? แล้วอีกหนึ่งสิ่งล่ะคะ เราจะขอดูได้มั้ย...?"เซย์ซิเรียพูดเชิงร้องขอ อัคคีจึงนำห่อผ้าห่อนึงที่นำมาด้วยส่งให้กับเซย์ซิเรีย และเมื่อเซย์ซิเรียได้รับห่อผ้านั้นมาแล้วก็ได้กางผ้าผืนนั้นออกมา"เอ๋? นี่มันคือผ้าคลุมนี่คะ?"เซย์ซิเริยพูด"....ครับคุณหนู นี่คือผ้าคลุมไหมทอง เป็นของที่หายากมากๆ เพราะตัวของไหมทองนั้นต้องใช้เวลานานมากๆกว่าจะเริ่มทอไหม แต่ไหมชนิดนี้เหนียวและแข็งแรงมากๆ และยิ่งถูกท่อขึ้นด้วยเวทมนตร์แล้วด้วย นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับชุดเกราะที่ดีที่สุดเท่าไรนักหรอกครับ..."อัคคีพูด"เอ๋? ถ้าแบบนั้นก็แปลว่า ผู้ที่สามารถท่อผ้าคลุมนี้ได้ จะต้องรู้วิธีการท่อผ้ากับเรื่องเวทมนตอย่างมากเลยทีเดียวเลยนะคะ ถึงจะทำได้ขนาดนี้..."เซย์ซิเรียพูดอย่างชื่นชม"...ครับ ก็แม่ของข้าเป็นเลือดผสมระหว่างมนุษย์กับเอลฟ์นี่ครับ เลยรู้เรื่องแบบนี้ค่อนข้างเยอะ..."อัคคีพูด"เอ๋?! แม่ของท่านเป็นเลือดผสมระหว่างเอลฟ์อย่างนั้นหรือคะ??!"เซย์ซิเรียอุทาน"ครับคุณหนู ส่วนข้าก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพวกเขา.."อัคคีตอบ"....แล้วท่านใช้เวทมนตร์ได้หรือเปล่าคะ...?"เซย์ซิเรียถามต่อ"....ของแบบนั้นข้าใช้ไม่เป็นหรอกครับคุณหนู!! จะมีก็แค่พูดภาษาเอลฟ์ได้นิดหน่อยเท่านั้นเองครับ....แต่ตอนนี้ข้าลืมไปหมดแล้ว...."อัคคีตอบ หลังจากนั้นเซย์ซิเรียได้ส่งดาบและผ้าคลุมคืนให้กับอัคคี"....เอ่อ....คือว่า ได้ยินว่าท่านเคยมีคู่หมั้น....เราอยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันหรือคะ?"จู่ๆเซย์ซิเรียก็ยิงคำถามนี้ขึ้นมา"....นางเป็นคนที่เข้มแข็งมาก อ่อนโยนมากๆ...และนางเองก็เป็นนักรบเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อของนาง นั่นคือสิ่งที่ข้าจำได้เกี่ยวกับนาง..."อัคคีตอบอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อเซย์ซิเรียได้ฟังดังนั้นจึงไม่กล้าถามต่อไป เพราะเกรงใจและกลัวว่าอัคคีจะทำใจกับเรื่องนี้ยังไม่ได้จึงเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ๆ เซย์ซิเรียจึงชวนอัคคีกลับ แต่ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกมาจากบริเวณของทะเลสาบนั้น ฉับพลันก็ได้มีอะไรบ้างอย่างพุ่งขึ้นมาจากทะเลสาบแล้วตรงเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว"คุณหนู ระวังครับ!!"อัคคีร้องตะโกนพร้อมพลักเซย์ซเรียออกไปอีกทาง และเมื่อสิ่งนั้นหยุดลง ทั้งสองคนก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีศรษะเป็นมนุษย์แต่ตัวคล้ายงู"นี่มัน อมนุษย์นี่!!"อัคคีอุทานขึ้น อมนุษย์ตนนั้นได้ชูคอตั้งขึ้นและโยกไปมา"คุณหนู รีบหนีเร็ว!!"อัคคีตะโกนบอกเซย์ซิเรีย เซย์ซิเรียเองได้ยินอัคคีบอกแบบนั้นก็ได้สติแต่ไม่สามารถที่จะวิ่งหนีได้เนื่องจากความกลัว เมื่ออัคคีเห็นเซย์ซิเรียเป็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปจับมือของเซย์ซิเรีย และรีบจูงมือของเซย์ซิเรียออกวิ่งทันที แต่ดูเหมือนว่าอมนุษย์ตนนั้นจะไล่ตามทั้งสองคนอย่างไม่ลดละ อัคคีจึงตัดสินใจพาเซย์ซิเรียเข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในโผลงของใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่อมนุษย์ตนนั้นก็กำลังค้นหาทั้งสองคน และกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ".....ไม่เป็นไรครับคุณหนู เราต้องปลอดภัย..."อัคคีปลอบเซย์ซิเรีย"....น....นั่นคือตัวอะไรกันหรือคะ?!"เซย์ซิเรียถามอัคคีด้วยอาการตื่นตระหนก"นั่นคืออมนุษย์..."อัคคีตอบ ในขณะที่ทั้งสองกำลังซ่อนตัวอยู่นั้น อมนุษย์ตนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดค้นหาคนทั้งสอง และตรงใกล้เข้ามาทุกขณะจนใกล้จะถึงโผลงต้นไม้ที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ทุกที"...ท่าทางคงจะไม่ยอมไปง่ายๆซะแล้วสิ...!"อัคคีพูดในขณะที่กำลังแอบดูอยู่ภายในโผลงต้นไม้"....ล....แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีคะ??!"เซย์ซิเรียถามอัคคีด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"...ข้าคิดอะไรออกแล้วครับคุณหนู!"อัคคีพูดขึ้น"...เอ๋?! อะไรหรือคะ?!?"เซย์ซิเรียร้องขึ้นอย่างมีความหวัง"....ข้าจะออกไปล่อมันไปเอง พอท่านเห็นข้าล่อมันไปไกลแล้ว ขอให้คุณหนูรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุดและอย่าได้หันหลังกลับมาเป็นอันขาด เข้าใจไหมครับ!"อัคคีพูดเชิงออกคำสั่งกับเซย์ซิเรีย"ล...แล้วท่านล่ะค่ะ??!"เซย์ซิเรียพูดกับอัคคี"...ข้าขอร้องล่ะครับคุณหนู ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับข้าอีกเป็นครั้งที่สองหรอกครับ..."อัคคีขอร้องเซย์ซิเรีย เซย์ซิเรียได้ยินอัคคีออกปากขอร้องแบบนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรต่อไปได้"...มันมาแล้ว!"เสียงอัคคีพูดขึ้นพร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะออกไปจากที่ซ่อนแต่ถูกเซย์ซิเรียดึงมือของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกไป"...ท่านต้องสัญญากับเรานะ...ว่าท่านจะกลับมา..."เซย์ซิเรียพูดกับอัคคีด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงและเต็มไปด้วยน้ำตา ทางอัคคีเองก็ไม่ได้ตอบเซย์ซิเรียกลับแต่อย่างใด ได้แต่มองดูมือที่ถูกเซย์ซิเรียกุมเอาไว้แน่นก่อนที่จะผละออกไปจากที่ซ่อน"เฮ้ยยยย! ข้าอยู่ตรงนี้โว้ย!! เจ้างูโง่!!"เสียงอัคคีตะโกนเรียกอมนุษย์ เมื่ออมนุษย์ตนนั้นเห็นอัคคีจึงทำท่าแยกเขี้ยวใส่อัคคี"ถ้าอยากจะกินข้าหละก็ ตามข้าให้ทันสิ!!!"เสียงอัคคีตะโกนขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งออกไปอีกทาง เมื่ออมนุษย์เห็นดังนั้นก็ทำการไล่ตามอัคคีไปในทันที เมื่ออัคคีกับอมนุษย์ได้ออกไปไกลจากตรงนั้นแล้ว เซย์ซิเรียจึงค่อยๆออกมาจากที่ซ่อนด้วยอาการไม่สู่ดีเท่าไรนัก หลังจากที่ออกมาจากที่ซ่อนตัวแล้วเซ์ซิเรียจึงค่อยๆออกวิ่งไปอีกทางถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะเป็นห่วงอัคคีมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็เลือกที่จะทำตามที่อัคคีขอร้องเอาไว้ ทางด้านอัคคีเองหลังจากที่ล่ออมนุษย์ออกมาหาเขาแล้วนั้น เขาก็ได้วิ่งมาตั้งหลักอยู่ที่บริเวณริมฝั่งแห่งหนึ่งของทะเลสาบ"...แค่นี้คงพอแล้วมั้ง...ว่าแต่จะไหวไหมนะ ตัวคนเดียวเนี่ย...?"อัคคีบ่นงึมงำอยู่คนเดียว ครู่ต่อมาอมนุษย์ตนนั้นได้ตามเขามาทันและหยุดจ้องหน้าของอัคคีอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคำรามและทำการจู่โจมใส่อัคคีในทันที"....อย่างมากก็แค่ตายล่ะวะ...!"อัคคีพูดก่อนที่จะชักดาบออกจากฝัก
.
.
.
มังกรศาสตรา กับ ผู้ต้องสาป
ในขณะที่เซย์ซิเรียกำลังวิ่งมาใกล้ถึงประตูเมืองอยู่นั่นเอง ฉับพลันนั้นสายตาของเธอก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งออกจากเมืองและตรงเข้ามาหาเธอ"ท่านเคโนว์!!"เสียงเซย์ซิเรียตะโกนขึ้น"ท่านเซย์ซิเรีย!!?"เสียงเคโนว์ดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทุกคนทั้งหมดในกลุ่มจึงรีบพากันวิ่งเข้าไปหาเซย์ซิเรีย"เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?! ทำไมท่านถึงได้กระหืดกระหอบมาแบบนี้?! แล้วเจ้าอัคคีหายไปไหนครับ?!?"เคโนว์ถามเซย์ซิเรียเมื่อไม่เห็นอัคคีผู้เป็นเพื่อนกลับมาด้วย หลังจากนั้นเซย์ซิเรียจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนฟัง"....งั้นก็แสดงว่า อัคคีกำลังสู้กับปีศาจอยู่คนเดียวอย่างนั้นสิ!?"แจงจีร่าพูด"....ท่านไม่ต้องวิตกกังวลไปเลยครับ พวกข้าทั้งหมดจะไปช่วยอัคคีเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง...!!!"เคโนว์พูดและรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที"ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ! เดี๋ยวเราจะนำองครักษ์ตามไปช่วยอีกแรงนะคะ!!"เสียงเซย์ซิเรียตะโกนตามหลังพวกเคโนว์ "ข้าว่า...ถ้าพวกเราเอาแต่วิ่งกันไปแบบนี้ เห็นทีจะไม่ทันแน่ๆ ข้าว่าเราคงต้องใช้พวกนั้นแล้ว!!"แจงจีร่าพูดขึ้นในขณะที่กำลังวิ่งไปตามทาง"ใจตรงกันแฮะ!"เคโนว์พูด"....แล้วเราจะใช้ใครดีล่ะคะ??"ดีดี๊ถาม"ของข้าล่ะกัน มาเลยขวานฟ้า!!"เสียงเคโนว์ดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีมังกรขนาดใหญ่บินอยู่เหนือหัวของทุกคน จากนั้นมังกรตนนั้นได้ร่อนลงพื้นและทุกคนก็ได้ขึ้นไปขี่บนหลังแล้วมังกรตนนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เมื่อมาถึงบริเวณที่อัคคีกำลังต่อสู้กับอมนุษย์อยู่อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น ทุกคนพากันกระโดดลงจากหลังของมังกร และมังกรตนนั้นได้กลายร่างเป็นขวานและเคโนว์ได้ใช้ขวานนั้นโจมตีไปที่อมนุษย์ตนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้อมนุษย์ตนนั้นถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป"...เฮ้อ....มากันจนได้...."อัคคีพูดอย่างโล่งอก"พี่อัคคีกินยานี่ก่อนนะคะ จะได้มีแรง!"ดีดี๊พูดพร้อมกับส่งยาให้กับอัคคี"...ขอบใจนะดีดี๊"อัคคีพูดและกินยานั้นทันที ในขณะเดียวกัน อมนุษย์ตนนั้นก็กลับลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับความโกรธอย่างเต็มที่"...นี่ยังจะลุกขึ้นมาได้อีกหรือนี่?"แจงจีร่าพูด"...จะเอาไงต่อ?"เคโนว์ถาม"เอาเหมือนอย่างเคย เหมือนเมื่อตอนนั้นไง..."อัคคีพูด"จัดไป อย่าได้เสีย!"เสียงเคโนว์ตอบรับ"ประจัญบาน!!!"เสียงของทุกคนดังขึ้นมาพร้อมกันและเข้าโจมตีอมนุษย์อย่างสามัคคีจนสามารถล้มอมนุษย์ลงได้สำเร็จในที่สุด"ฟู่...สำเร็จสักที..."เสียงเคโนว์พลางถอนหายใจรวมถึงทุกคนยกเว้นอัคคี"...อย่างเพิ่งดีใจไป...."อัคคีพูด"ทำไมล่ะ? ก็ในเมื่อเราฆ่ามันได้แล้วนี่?"แจงจีร่าแย้ง"...ดูให้ดีๆก็แล้วกัน"อัคคีพูด หลังจากที่อัคคีพูดจบทุกคนก็หันกลับไปดูที่ร่างของอมนุษย์ตนนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างของอมนุษย์ก็ค่อยๆสลายไปและแปลเปลี่ยนเป็นร่างกายของมนุษย์"น...นี่มันอะไรกันนี่?! ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้??!"แจงจีร่าอุทานขึ้นเมื่อเห็นกับภาพที่อยู่ตรงหน้า และทุกคนเองต่างก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นไม่แพ้กัน"....นี่คือผู้ที่ถูกคำสาป เป็นคำสาปที่เกิดขึ้นจากมนตร์ดำที่มาจากใครคนนึง..."อัคคีพูดขึ้น"ล...แล้วถ้านี่คือคำสาป แล้วทำไมพี่อัคคีถึงไม่ใช้เวทมนตร์แก้ให้กับเค้า เหมือนตอนที่พี่เคยช่วยดีดี๊เมื่อตอนนั้นล่ะคะ??!"ดีดี๊พูดกับอัคคี"....ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใช้....แต่ข้าใช้พลังนั่นไม่ได้อีกแล้วน่ะสิ....!"อัคคีตอบ"ใช้ไม่ได้? เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่า เจ้าใช้พลังเวทย์นั่นไม่ได้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ?!"แจงจีร่าพูดด้วยอาการประหลาดใจ"ใช่ พวกเจ้ายังจำลูกแก้วมากะนั่นได้หรือเปล่า? หลังจากที่ข้าทำมันแตกไปเมื่อตอนนั้น หลังจากนั้นมา ข้าก็ใช้พลังนั่นไม่ได้อีกเลย..."อัคคีตอบ"แล้วเจ้าเคยทดสอบแล้วหรือยัง?"เคโนว์ถามต่อ"....ข้าเคยลองมาหลายครั้งแล้ว ถ้าข้าไม่มีลูกแก้วนั่นเป็นสือกลาง ระหว่างตัวข้ากับพลังของแม่ข้า ข้าก็ใช้พลังนั้นไม่ได้...!"อัคคีตอบกลับ"....แล้ววิธีแก้คำสาปแบบนี้ล่ะ??"แจงจีร่าถามอัคคีต่อ"...เท่าที่ข้ารู้มา ถ้าไม่สามารถหาวิธี หรือ ใช้เวทมนตร์แก้คำสาปได้ล่ะก็ มีแต่ต้องสังหารผู้ต้องคำสาปเท่านั้น... และนั่นก็คือสิ่งที่เราทำ..."อัคคีตอบ"....บ้าจริงๆเลย..."แจงจิร่าพูดด้วยอารมณ์ที่หดหู่และเศร้าสลด"....แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่า มีอะไรแบบนี้อยู่แถวนี้?"เคโนว์ถามอัคคีด้วยความสงสัย"...ถึงข้าในตอนนี้จะใช้พลังเวทย์ไม่ได้ แต่จมูกข้ายังได้กลิ่นของเวทย์มนตร์พวกนี้อยู่ จริงๆแล้วข้าเองก็อยากจะบอกกับพวกเจ้าอยู่นานแล้วว่า กลิ่นพวกนี้มันกระจายอยู่ทั่วเมืองนี้เลยนะ!!"อัคคีพูดขึ้น และคำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจอย่าเห็นได้ชัด แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้น พลันผู้ที่ถูกคำสาปได้ส่งเสียงร้องและไอออกมาเบาๆ"เค้ายังไม่ตาย!! พี่อัคคี เค้ายังไม่ตาย!!"ดีดี๊ร้องเรียกอัคคีด้วยอาการตื่นเต้น"...จะเอาอย่างไงดี?"เคโนว์ถาม"....ข้าไม่ได้กลิ่นของเวทย์มืดจากตัวเขาเลย....คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง ดีดี๊ แจงจีร่า ช่วยทีนะ..."อัคคีพูด"วางใจได้เลย!!"ดีดี๊ตอบรับก่อนที่จะเข้าไปช่วยรักษาบาทแผลให้กับคนที่นอนมดสติ"...อืม...แล้ว....เจ้าคิดว่าเวทย์มนตร์พวกนี้มาจากไหน?"เคโนว์ถามอัคคี"ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ข้าคิดว่ามันมาจากที่ๆเจ้าคิดไม่ถึงแน่นอน!"อัคคีตอบแบบติดตลก ทำให้เคโนว์เริ่มสงสัยมากกว่าเดิมกับคำพูดของอัคคี"ไหนเจ้าบอกว่าต้องฆ่าคนๆนี้เท่านั้น คำสาปพวกนี้ถึงจะคลาย...แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?"แจงจีร่าถามต่อ"....อืม....นั่นสินะ... หรือว่า!?"อัคคีอุทานขึ้น"อ...เจ้าอีกล่ะ??!"แจงจีร่าตกใจเล็กน้อยกับปฎิกริยาของอัคคี"เจ้านั่นกินพลังเวทย์มนตร์ทุกชนิดเป็นอาหารนี่นา...ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย...!"อัคคีพูด"เจ้านั่น....ใคร?"เคโนว์ถาม"...ออกมาได้แล้ว จบเรื่องแล้ว..."อัคคีพูดกับดาบของตน พออัคคีพูดจบก็มีบางสิ่งค่อยๆออกมาจากดาจากดาบของเขา"อ้าว นี่เจ้าเองหรือนี่...?"เคโนว์พูดกับสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากดาบของอัคคีที่มีรูปร่างเหมือนมังกรขนาดเล็ก"เจ้านี่ เจ้าเรียกว่าอะไรงั้นเหรอ?"แจงจีร่าถาม"...ก็...มังกรไง?"อัคคีตอบอย่างไม่เต็มเสียง"อะไรกัน?! อย่าบอกนะว่าเจ้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้น่ะ?!"แจงจีร่าพูด"...ก็คงจะประมาณนั้นแหละ..."อัคคีตอบ ซึ่งเป็นคำตอบที่ทำให้ทุกคนถึงกับเวียนหัวกันไปตามๆกัน"....เออนี่ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว แล้วมังกรของพวกเจ้าล่ะไปไหน? เพราะข้ายังไม่เห็นเจ้าพวกนั้นเลย ตั้งแต่ข้ามา?"อัคคีถามขึ้น"ก็อยู่นี่ไง!"เคโนว์ตอบแล้วยกขวานขึ้น จากนั้นก็มีร่างของมนุษย์ออกมาจากขวานของเคโนว์และตามด้วยอาวุธของแจงจี่ร่าและดีดี๊"...ก็แบบนี้แหละ"เคโนว์พูด"สวัสดีเจ้าค่ะ ข้าชื่อว่า ขวานฟ้า เป็นคู่หูของท่านเคโนว์เจ้าค่ะ ยินดีต้อนรับกลับและยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะเจ้าคะ ท่านอัคคี!"มังกรในร่างมนุษย์ของเคโนว์กล่าวทักทายกับอัคคี"ส่วนตัวข้าชื่อว่า ธนูแสง เป็นคู่หูของท่านแจงจีร่าค่ะ ท่านอัคคี!"มังกรในร่างมนุษย์ของแจงจีร่าแนะนำตัว"และตัวของข้ามีชื่อว่า คฑาสูตร ขอรับ เป็นคู่หูของท่านดีดี๊ขอรับ ท่าน"มังกรในร่างมนุษย์ของดีดี๊แนะนำตัวปิดท้าย"....แล้วของเจ้าล่ะอัคคี?"เคโนว์ถามอัคคี อัคคีเองก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เป็นอันรู้กันว่า มังกรของเขานั้น ไม่สามารถที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้"....การที่พวกเราแปลงกายเป็นมนุษย์ได้นั้นก็คือ การยอมรับจากพวกเราแล้วว่า คนนั้นคือผู้ที่คู่ควรที่จะถือครองพลังของพวกเราโดยชอบธรรมเจ้าค่ะ ท่านอัคคี..."มังกรของเคโนว์พูดขึ้น"....ผู้คู่ควรโคยชอบธรรมงั้นรึ!"อัคคีพูดขึ้น"ถูกต้องขอรับ! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับสภาวะของแต่ละตนขอรับท่าน!"มังกรของดีดี๊อธิบายต่อ"สภาวะ?"อัคคีพูดในขณะที่กำลังคิดตาม"....ใช่คะ แต่ว่ามันก็มีปัจจัยอื่นที่สามารถทำให้เราสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ในบางกรณีนะคะ!"มังกรของแจงจีร่าพูดขึ้น"อะไรอย่างนั้นหรือ?"อัคคีถามกลับด้วยความสงสัย"....เอาเป็นว่า เรื่องนี้พวกเราขออนุญาตท่าน ขอให้พวกจัดการกันเองได้หรือไม่เจ้าคะ? เพราะมันเป็นความลับระหว่างเราสี่พี่น้อง..."มังกรของเคโนว์พูดขึ้นอีกครั้ง"....ตามสะบาย..."อัคคีตอบสั้นๆ หลังจากนั้นมังกรพวกนั้นก็ได้แยกตัวออกมาจากบริเวณนั้นในทันที ครู่ต่อมา เซย์ซิเรียก็ได้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาทุกคนพร้อมกับคนอีกจำนวนนึง"ทุกท่าน! ปลอดภัยดีนะคะ!?"เซย์ซิเรียพูดพรางหอบด้วยความเหนื่อย"....คนพวกนี้...!"เคโนว์พูดพร้อมกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เซย์ซิเรียพามาด้วย"....คือ...พวกเขาเป็นคนของเราเอง พวกเขาเก่งมาก!! แล้วปีศาจนั่นล่ะคะ??"เซย์ซิเรียพูด"....เจ้านั่นมันหนีไปแล้วครับ คุณหนู..."อัคคีตอบเซย์ซิเรีย"....ช....ใช่ครับคุณหนู! มันหนีไปแล้ว เนอะ! แจงจีร่า!"เคโนว์พูดพร้อมปัดไปให้แจงจีร่าต่อ"เอ๋...??? อ...อิ่ม! มันหนีไปแล้ว??!"แจงจีร่าตอบแบบเกือบจะรับมุขของเคโนว์ไม่ทัน
.
.
.
ข้าชื่อ ดอกเหมย
ในช่วงเวลาค่ำ ของวันนั้น พวกของเคโนว์ได้นำผู้ต้องคำสาปมาพักฟื้นภายในห้องห้องนึงของโรงเตี๊ยม โดยมีแจงจีร่าและดีดี๊คอยดูแลอยู่"....คิดดีแล้วสินะ ที่พาคนๆนั้นมาพักที่นี?"เคโนว์ถามอัคคี"....คิดว่านะ..."อัคคีตอบสั้นๆ"...แล้วเจ้าคิดจะบอกเรื่องนี้กับท่าน....เซย์ซิเรียไหม?"เคโนว์ถามต่อ"....ไม่ล่ะ ข้าว่า มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร ที่นางจะต้องรู้!"อัคคีตอบกลับ"ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้นล่ะ??"เคโนว์สงสัย"....ตัวนางน่ะ ไม่เท่าไร แต่คนอื่นๆรอบตัวนางล่ะ? จะคิดอย่างไร? ดีไม่ดีคนพวกนั้น อาจจะแฝงตัวอยู่ใกล้ๆตัวกับนาง หรือ ครอบครัวของนางก็ได้!"อัคคีตอบอย่างมีเหตุผล"....นั่นสินะ แต่ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเกี่ยวกันไหม?"เคโนว์พูดขึ้น"เรื่องอะไร?"อัคคีถามกลับ"ก็เรื่องกลิ่นเวทมตร์ที่เจ้าได้กลิ่น ไหนจะเรื่องของคำสาปที่เราเจอกันอีก แล้วก็เรื่องการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กสาวด้วยนี่สิ... นั่นแหละที่ข้าอยากจะรู้!"เคโนว์ตอบ"....ข้าว่า เราคงต้องรอให้คนๆฟื้นซะก่อนดีกว่านะ เพราะข้าเองก็ไม่กล้าตัดสินอะไรเองโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรซะด้วยสิ...."อัคคีพูดแล้วถอนหายใจ"มันก็จริง......แต่ขอถามเจ้าหน่อยเถอะ ว่ากลิ่นเวทที่เจ้าได้กลิ่นมาจากทางไหน??"เคโนว์ยิงคำถามไปหาอัคคีอีกครั้ง"ก็ที่.....?"อัคคีหยุดพูดกลางคันเพราะพวกมังกรทั้งหมดได้เดินเข้ามายังทั้งสองคน"ขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะนะเจ้าคะ....ท่านอัคคี ขอเชิญท่านพบกับท่านพี่ใหญ่ของพวกเราเจ้าค่ะ!"ขวานฟ้าพูดขึ้นก่อนที่จะผายมือไปยังด้านหลังของตน ปรากฏร่างของเด็กสาวคนนึงที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนัก"ใคร???"อัคคีถามพวกของขวานฟ้า"อ้าว...? ก็ท่านพี่ใหญ่ของเราไงล่ะขอรับ!?"คฑาสูตรตอบ"พี่ใหญ่?....แล้วทำไมถึง??"อัคคีถามตอบพร้อมชี้นิ้วไปยังเด็กสาว"ที่ข้าเป็นแบบนี้ ก็เพราะตัวเจ้านั่นแหละ ที่ไม่ยอมให้ข้ากินพลังเวทของเจ้า!!"เด็กสาวตวาดใส่อัคคี"พลังเวทของข้า?"อัคคีถามเด็กสาวกลับ"....ถ้าหากจะบอกว่า เจ้าไม่มีพลังเวทล่ะก็! ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก! เพราะข้าเองก็ได้กลิ่นพลังเวทของเจ้าเหมือนกัน! แถมยังหอม น่ากินอีกด้วย!"เด็กสาวพูดทำให้อัคคีอึ้งไปครู่นึง"....ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ให้เจ้ากินนะ.....แต่ข้าปล่อยพลังแบบนั้นออกมาไม่ได้ต่างหาก เอาเถอะ...เมื่อไรที่ข้าใช้พลังนั้นได้ ข้าจะให้เจ้ากินให้เต็มที่เลย!"อัคคีพูดกับเด็กสาว"จริงๆนะ! เจ้าพูดจริงๆนะ! สัญญา!"เด็กสาวพูดด้วยความดีใจ แล้วส่งนิ้วก้อยออกมาหาอัคคี"อื่ม สัญญา..."อัคคีพูดแล้วเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กสาว".....แล้วจะให้พวกเราเรียกว่าอะไรดีนะ?"เคโนว์พูดในขณะที่กำลังใช้ความคิด"....นั่นสินะ จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดี?"อัคคีถามเด็กสาว".....ดอกเหมย...!"เด็กสาวตอบ ซึ่งคำตอบนั้นทำให้อัคคีนิ่งไปอีกครู่หนึ่ง".....เจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้า ด้วยชื่อนี้หรือ?"อัคคีถามเด็กสาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เด็กสาวกลับไม่ตอบอะไร และยังทำท่าว่าจะไม่สนใจในคำถามของอัคคีอีกด้วย"....ก็ได้ ดอกเหมย นับแต่นี้ต่อไป นี่คือชื่อของเจ้านะ..."อัคคีพูดกับดอกเหมย"....อื่ม!"เด็กสาวขานรับอย่างกระตือรือร้น ทำให้อัคคียิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย"....เหมือนกันจริงๆ โดยเฉพาะแววตาเมื่อกี้นี้...."อัคคีพูดเบาๆอยู่คนเดียว
.
.

.

ฟิกเกอร์สวยๆ