วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

(นิยาย)ปลาปีศาจ

ชีวิตอันแสนเงียบสงบของหมู่บ้าน บริเวณของสองฟากฝั่งแม่น้ำ กำลังค่อยๆถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เพราะภายใต้พื้นน้ำนั้นมีบ้างสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ มันมีขนาดใหญ่โต และมัน ถูกสร้างขึ้นมาโดยที่ธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็น และมัน กำลังจับจ้องมองขึ้นไปบนผิวน้ำ ที่ทุกชีวตที่อยู่บนผิวน้ำไม่รูปเลยว่า ปีศาจในร่างของสัตว์ กำลังเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมพวกเขาได้ โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว ว่านั่น คือโอกาสสุดท้าย ที่จะยังมีลมหายใจ ก่อนที่มันจะฉุดร่างเหล่านั้นลงไปพบกับ"คมเขี้ยวแห่งความตาย"
.
.
.

๑.เหยื่อ
"เฮ้ย! มาถึงนานแล้วเหรอ?"เสียงชายหนุ่มตะโกนทักทายกับชายอีกคนหนึ่ง
"เอ่อ....ก็สักพักใหญ่ๆแล้วว่ะ"ชายหนุ่มอีกคนตอบกลับ แล้วพูดต่อไปว่า"มาตั้งนานแล้ว ปลาไม่ยักจะพุดขึ้นมาให้ยิงสักตัว...."
"ตรงนี้อาจจะไมมีตัวก็ได้มั้ง งั้นข้าไปลองดำดูตรงโน้นล่ะกัน"ชายอีกคนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอีกจุดหนึ่ง"เอ่อได้สิ ถ้ายังไงก็เรียกข้าด้วยนะโว้ย ถ้ามันมีตัว!"ชายหนุ่มอีกคนพูด ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป
ครู่ต่อมา หลังจากที่ทั้งคู่แยกออกไปอีกจุดนึงแล้วนั้น ชายที่ยืนยิงปลาอยู่บนสะพานก็ได้เห็นกับสิ่งที่ผิดปรกติบนผิวน้ำ
"ตูม" เสียงน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง "อะไรวะนั่น!?"ชายหนุ่มอุทานขึ้น เมื่อเขาได้เห็นกับเงาขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับปลา ที่ค่อยๆว่ายผ่านหน้าเขาไปและเงานั้นก็ค่อยๆจมหายลงไป ปรากฎเป็นฟองน้ำพุดขึ้น ราวกับว่า มีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ก้นแม่น้ำแห่งนี้
"เอ็งดูอะไรของเอ็ง อยู่วะ?"เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจนเขาสะดุ้งตกใจ"....โธ่ ไอ้มาฑ! มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ตกใจหมด!"ชายหนุ่มพูดขึ้น"อะไรวะ ข้าก็มายืนอยู่ตั้งนานแล้วนะ! ว่าแต่เมื่อกี้เอ็งดูอะไรอยู่วะไอ้เตี้ย? เห็นจ้องอยู่นานสองนาน"มาฑ เอ่ยถามเตี้ย ผู้เป็นเพื่อน".....ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ว่าข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย"เตี้ยตอบพร้อมกับทำหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก"เป็นอะไรไปวะ ทำหน้าอย่างกับใครเป็นอะไรอย่างนั้นแหละ?"มาฑถามขึ้น เมื่อเห็นเตี้ยผู้เป็นเพื่อนทำสีหน้าไม่สบายใจ".....ข้าว่า พวกเราไปดูไอ้ป็อบกันดีกว่า ตั้งนานแล้วยังไม่เห็นมันขึ้นมาเลย"เตี้ยชวนมาฑให้ไปหาป็อบ ผู้ที่ลงไปดำน้ำยิงปลาที่อยู่อีกจุดนึง"อื่ม ดีเหมือนกัน ยายจุกร้านของชำ แกฝากข้ามาซื้อปลาจากมันพอดีเลย! ไหนดูสิว่ามันได้ปลาตามที่เขาสั่งไว้หรือเปล่า"มาฑพูดขึ้นพร้อมกับขยับรถมอเตอร์ไซค์ เตรียมที่จะมุ่งหน้าไปหาป็อบ ผู้เป็นเพื่อนอีกคน โดยมีเตี้ย เป็นคนนำทางให้
หลังจากที่ทั้งสองคนขับรถคู่ใจมาถึงจุดที่"ป็อบ"แยกตัวออกมาดำปลาแล้วนั้น ทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของป็อบ แต่ไม่พบกับเจ้าตัวที่ลงไปดำปลาแล้วยังไม่ขึ้นมาบนฝั่ง มีเพียงแค่รถมอเตอร์ไซค์ และรองเท้าของป็อบเท่านั้น"มันหายไปไหนของมันนะ?"เตี้ยพูดขึ้น"มันคงยังไม่ขึ้นมาล่ะมั่ง?"มาฑออกความเห็น"คงงั้นมั้ง งั้นเราลองรอมันสักเดี๋ยวนึงก่อนหละกัน"เตี้ยพูดขึ้น
หลายนาทีผ่านไป ทั้งคู่ก็ยังไม่พบกับป็อบ ทั้งคู่ก็เริ่มที่จะมีอาการกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย โดดยเฉพาะ"เตี้ย" ที่ออกอาการมากกว่ามาฑ"....ข้าว่า มันนานกว่าปรกติและนะ!"มาฑพูดขึ้น"นั่นสิ! มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ?"เตี้ยพูด"งั้นเราลงไปดูที่ชายน้ำที่มันลงไปดูไหม?"มาฑออกความเห็น"ไป!"เตี้ยตอบในทันทีพร้อมกับลุกยืนขึ้น จากนั้นทั้งสองก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังชายตะลิ่ง ที่รองเท้าของป็อบที่ถูกถอดวางไว้อยู่นั้นเอง
"เฮ้ย! ไอ้เตี้ย เอ็งดูรอยนี่สิ!"มาฑร้องเรียกเตี้ย ให้ดูกับสิ่งที่เขาเห็น"....รอยเดิน? ยังใหม่อยู่เลย น่าจะเป็นของไอ้ป็อยนั่นแหละ ถ้ามันขึ้นมาแล้ว แล้วมันหายไปไหนวะ?!"เตี้ยพูดขึ้น หลังจากที่ดูรอยเท้าเสร็จ"งั้นเราลองตะโกนเรียกมันดู ดีกว่าไหม?  เผื่อบางทีมันเข้าป่าอยู่"มาฑออกความเห็น"นั่นสิ เราลองเรียกมันดูก็ได้ ขอให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆเถอะ...."เตี้ยพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด"ไอ้ป็อบบบบ!!! อยู่ไหนวะะะะะะ!! ถ้าได้ยินแล้วก็ส่งเสียงตอบด้วยยยยยย!!!..."
หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันตะโกนเรียกชื่อป็อบ พร้อมกับออกเดินตามหาตามพุ่มไม้ต่างๆจนทั่วบริเวณ แต่ก็ไมาพบ ทั้งคู่จึงย้อนกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง"ชักจะไม่เข้าท่าซะแล้วว่ะ!!"เตี้ยพูดขึ้นอย่างวิตก"เอ่อใช่ ไม่เข้าท่าแล้ว!"มาฑพูดขึ้นขณะที่ดูกับรอยเท้า ที่เป็นรอยที่เดินขึ้นจากน้ำ"มีอะไรงั้นเหรอ??"เตี้ยถามมาฑอย่างสงสัย"เอ็งลองดูรอยตรงนี้ดีๆ รอยย่ำเดินขึ้นมันมาหยุดอยู่ตรงขอบนี้พอดี แต่เอ็งดูรอยข้าล่างนี่สิ มีบ้างอย่าง ขึ้นมา แล้วกลับลงไป!"มาฑพูดขึ้นแล้วลุกขึ้นยื่นมองลงไปยังสายน้ำอันสงบนิ่งเบื่องล่าง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีบาอย่างกำลังแอบจ้องมองพวกเขาทั้งสองคนอยู่อย่างเงียบๆ ฝายใต้ฝืนน้ำแห่งนั้น
.
.
๒.รอยฝังเขี้ยว
"ผู้ใหญ่ๆ เกิดเรื่องแล้ว!!"เสียงชายวัยกลางคนเรียกผู้ใหญ่บ้านอย่างตื่อนตระหนก ผู้ใหญ่เจริญ ผู้ใหญ่บ้านวัยสามสี่ปลายๆ แม้จะอายุยังน้อยเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่บ้านตำบลอื่นๆในละแวกนั้น แต่ผู้คนก็ต่างให้ความเคารพนับถือในตัวของผู้ใหญ่เจริญ เนื่องจากที่เขาชอบช่วยเหลือคน
"มีอะไรหรือตายืน วิ่งหน้าตื่นมาหาผมเนี้ย!?"ผู้ใหญ่เจริญถามตายืน ชายวัยกลางคนที่เรียกเขาด้วยท่าทางตกใจ
"....ช ช่วยมากับผมหน่อยผู้ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว!"ตายืนบอกกับผู้ใหญ่เจริญ
"เรื่องอะไรหรือ?"ผู้ใหญ่เจริญถามตายืนอย่างสงสัยปนอาการตื่นๆ
"จะให้ผมพูด ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกันนะผู้ใหญ่ ผมว่าผู้ใหญ่ต้องไปดูเอง!"ตายืนเซ้าซี้ผู้ใหญ่เจริญ จนผู้ใหญ่เจริญยอมขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าๆของตายืน แล้วตายืนก็ขับรถออกจากบ้านของผู้ใหญ่เจริญ
ตายืนขับรถมาจอดอย่าที่ท่าน้ำแห่งหนึ่ง แล้วแกก็ได้ลากเอาอวนตาข่ายดักปลาของแกลงมาจากเรือ
"มีอะไรหรือตายืน?"ผู้ใหญ่เจริญถามตายืน ทันทีที่ผู้ใหญ่เจริญถามจบ ตายืนแกก็นำเอาตาข่ายดักปลาของแก มาวางแผละอยู่ตรงหน้าของผู้ใหญ่เจริญ
"ผู้ใหญ่ดูนี่สิ!"ตายืนพูดขึ้น แล้วนำกิ่งไม้มาเขี่ยตาข่ายให้กางออก
"เชิดฝายแล้ว!!"ผู้ใหญ่เจริญร้องอุทานขึ้นพร้อกับกระโดดตัวลอย ถอยห่างออกไปทันทีดัวยความตกใจ เพราะสิ่งที่ทั้งคู่พบก็คือ เศษชิ้นส่วนของมนุษย์นั่นเอง
หลังจากที่ผู้ใหญ่เจริญใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อสงบสติอารมณ์ พอได้สติแล้ว ผู้ใหญ่เจริญได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรแจ้งตำรวจทันที
"นอนจากผมกับตายืนนี่ ยังมีใครรู้เรื่องนี้บ้างไหม?"ผู้ใหญ่เจริญถามตายืน
"โธ่ผู้ใหญ่.....ก็มีแต่ผมกับผู้ใหญ่สองคนนี่แหละ!"ตายืนตอบ
ครู่ใหญ่ๆต่อมา ตำหรวจจึงเดินทางมาถึง แล้วก็เริ่มลงมือตรวจหลักฐานและสอบปากคำตายืนกับผู้ใหญ่เจริญในทันที
".....ก็อย่างที่บอกแหละครับสารวัตร!"ตายืนพูดกับตำหรวจหนุ่ม
"....ครับ แล้วพ่อผู้ใหญ่ล่ะครับ?"สารวัตรหนุ่มหนันไปถามผู้ใหญ่เจริญ
"ครับ ก็อย่างที่สารวัตรเห็นนั่นหละครับ พอตายืนตามผมมาดู ผมก็โทรเเจ้งทางสารวัตรไป ตามที่ตายืนบอกนั่นแหละครับ"ผู้ใหญ่เจริญพูดกกับสารวัตรหนุ่ม
"ครับ ขอบคุณมากๆครับที่ให้ความร่วมมือ"สารวัตรหนุ่มกล่าวขอบคุณก่อนที่จะหันหลังเดินไปทางตำหรวจอีกคนนึง ที่กำลังตรวจสอบกับเศษชิ้นส่วนของมนุษย์อยู่ และใกล้ๆกันก็มีเหล่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยคอยให้ความให้ความช่วยเหลือ
"เป็นไงบ้างจ่าเหรอย?"สารวัตรหนุ่มถามตำหรวจอีกนายนึง
"....ไม่ไหวเลยครับสารวัตร มีแค่ส่วนขาแค่นั้นเอง!"จ่าเหรอยพูดพร้อมชี้มือไปยังเศษชิ้นส่วนที่ถูกพบ
"แล้วเป็นอย่างไงบ้าง?"สารวัหนุ่มถามกลับไปอีกครั้ง
"เท่าที่ผมดูแล้ว บาดแผลเป็นลักษณะเป็นรายฉีกขาด และมีร่องรอยของวัดถุรูปร่างแหลมๆแทงเข้าไปถึงกระดูกในบางช่วง รวมถึงตรงกระดูกบริเณหน้าแข้งหักด้วยครับสารวัตร"จ่าเหรอยอธิบายพร้อมกับชี้จุดแต่ละจุดให้กับสารวัตรหนุ่มดู
"ทำได้ดีมากจ่าเหรอย ที่เหลือแค่ถ่ายรูปหลักฐาน แล้วส่งหลักฐานไปที่แผนกนิติเวชตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งนะนจ่า!"สารวัตรหนุ่มสั่งจ่าเหรอย
"รับทราบครับ สารวัตร!"จ่าเหรอยรับปาก แล้วรีบลงมือจัดการตาทที่สารวัตรหนุ่มสั่งในทันที
"....สารวัตรครับ ถ้าได้เรื่องอะไรแล้ว ช่วยบอกผมด้วยนะครับ...."ผู้ใหญ่เจริญเดินเข้ามาพูดกับสารวัตรหนุ่ม
"ได้สิครับพ่อผู้ใหญ่ ถ้าได้เรื่องอะไรคืบหน้าแล้ว ผมจะติดต่อกลับไปหาพ่อผู่ใหญ่เองครับ!"สารวัตรหนุ่มรับปากผู้ใหญ่เจริญ
"ขอบคุณสารวัตรมากๆครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกับตายืน ขอตัวก่อนนะครับ"ผู้ใหญ่เจริญพูด
"ครับพ่อผู้ใหญ่ สวัสดีครับ"สารวัตรหนุ่มพูดพร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่ผู้ใหญ่เจริญกับตายืนจะขับรถจากไป
"โฮ่ว์....มีการเรียก(พ่อ)นำหน้ากันด้วยวุ้ย!"จ่าเหรอยพูดขึ้นอยู่ข้างๆ
"บ๊ะไอ้นี่! ที่ให้ไปทำ ทำเสร็จแล้วหรือยัง!"สารวัตรหนุ่มพูดกับจ่าเหรอย
"เสร็จหมดแล้วครับพี่ โน้นพวกเขากลับกันหมดแล้ว เหลือแต่เราแล้ว!"จ่าเหรอยพูดพร้อมชี้มือไปที่รถกู้ภัยที่กำลังจะแล่นออกไปจากบริเวณนั้น แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับขึ้นไปบนรถประจำตำแหน่ง แล้วขับออกไปเป็นคันสุดท้าย
.
.
๓.การจู่โจมจากใต้น้ำ
หลายวันผ่านไป หลังจากที่ชาวบ้านรู้เรื่องข่าวที่ ตายืนพบเศษชิ้นส่วนของมนุษย์แล้วนั้น ต่างพากันวิภาควิจารณ์ไปกันต่างๆนาๆกันตามประสา แต่ท้ายที่สุด พอนานวัน เมื่อไม่มีอะไรคืบหน้า ชาวจึงพากันลืมเรื่องนี้ไปในที่สุด ยกเว้นผูใหญ่เจริญ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังความคืบหน้าของเรื่องนี้จากสารวัตรหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ แต่กระนั้น เขาเองก็มีเรื่องอื่นให้จัดการเช่นเดียวกัน
"ผู้ใหญ่ครับ อยู่ไหมครับ?"เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
"เอ่อ อยู่ๆ มีอะไรหรือ?"ผู้ใหญ่เจริญขานรับแล้วเดินออกไปที่ระเบียงหน้าต่างบ้าน"อ้าว พ่อมาฑนี่เอง มีธุระอะไรหรือ ถึงได้มาถึงนี่?"
"พ่อผมฝากห่อหมกมาให้ผู้ใหญ่ครับ"มาตอบพรางยกถุงพลาสติที่ใส่ห่อหมกขึ้นมาให้ผู้ใหญ่ดู
เอ่อๆขอบใจมาก.... อีหนูเอ่ย ออกไปรับของจากพี่เขาหน่อยสิลูก"เสียงผู้ใหญ่เจริญพูดกับอีกคนนึง ที่อยู่ในบ้าน
"จ่ะพ่อ"เสียงตอบรับหวานๆดังขึ้น ครู่ต่อมาหญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆก้าวลงจากตัวบ้าน แล้วเดินมาหามาฑที่ยืนค่อมรถคู่ใจที่รออยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน
"ขอบใจพี่มาฑกับพ่อมากๆนะจ๊ะ ที่อุส่าเอามาให้"หญิงสาวพูดกับมาฑอย่างคุ้นเคย ก่อนที่จะใช้มือที่มีนิ้วงามๆรับเอาถุงที่ใส่ห่อหมกจากมาฑไป
"ไม่เป็นไร ว่าเเต่พี่เอ็งอยู่ไหมขวัญ?"มาฑเอ่ยถามหญิงสาว
"อยู่จ่ะ แต่ดูเหมือว่าพี่เตี้ยเขาไม่ค่อยสะบายแตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะจ่ะ พี่มาฑมีธุระอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?"ขวัญถาม
"ไม่มีหรอก แค่อยากจะหาเพื่อนคุยเฉยๆ"มาฑตอบพร้อมโบกมือหยอยๆ"....งั้นข้ากลับก่อนล่ะกัน บอกมันว่าหายไวๆนะ"มาฑพูดแล้วกลับรถมอเตอร์ไซค์เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่เป็นเวลาเดียวกันนั้น ได้มีรถคันนึงเข้ามาจอดขวางทางออกพอดี
"อ้าวเฮ้ยไอ้มาฑ!?"เสียงของสารวัตรหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรถดังขึ้น
"ไอ้พล! ไปไงมาไงวะเนี้ย! อ้าวเฮ้ยไอ้เหรอย! เอ็งก็อยู่ด้วยเหรอวะ นึกว่ากลับใต้ไปแล้วซะอีก!!"เสียงมาฑกล่าวทักทายสารวัตรหนุ่ม หรือ สารวัตรพล กับจ่าเหรอยอย่างคุ้นเคย
"ผมกลับไปแล้วนะพี่มาฑ แต่ผมดันโดนย้ายมาที่นี่ แทนจ่าคนเก่าน่ะสิพี่"จ่าเหรอยตอบ
"....นี่พวกพี่ๆ รู้จักกันหรือจ๊ะ?"ขวัญถาม
"ก็ พอดีพวกเราเคยเรียนที่วิทยาลัยเดียวกันน่ะครับ"จ่าเหรอยตอบ
"คือ....ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าพ่อผู้ใหญ่อยู่ไหมครับ?"สารวัตรพลถามขวัญ
"ครับสารวัตร ผมกำลังรออยู่เลยครับ! ว่าแต่เชิญข้างในบ้านจะดีกว่านะครับสรวัตร"เสียงของผู้ใหญ่ดังขึ้นพร้อมกล่าวเชื่อเชิญ
หลังจากที่ทุกคนรวมถึงมาฑ ที่โดนจ่าเหรอยลากเข้ามาด้วย เข้ามานั่งอยู่ภายใต้ถุนบ้าน ของผู้ใหญ่เจริญแล้วนั้น สารวัตรพลก็ได้รายงานเรื่องผลชันสูตรให้กับผู้ใหญ่เจริญได้ฟัง
"....คือ เรื่องรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เราระบุได้ ผมขออนุญาตไม่ขอกล่าวถึงนะครับพ่อผู้ใหญ่..."สารวัตรพลกล่าวขออนุญาตจากผู้ใหญ่เจริญ
"ได้สิ!"ผู้ใหญ่เจริญอนุญาต
"ขอบคุณครับพ่อผู้ใหญ่!"สารวัตรพลกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่เจริญ ก่อนจะส่งหน้าที่ต่อให่กับจ่าเหรอย เป็นคนสรุปผลชันสูตรแบบโดยย่อให้กับทุกคนฟัง
".....ครับ จากลักษณะปากแผลส่วนใหญ่เป็นแผลที่เก็ดจากรอยเขี้ยวของสัตว์ขนาดใหญ่ ส่วนแผลบริเวณต้นขานั้น เกิดจากการที่ถูกฉีกหรือดึงออกมาด้วยแรงมหาศาล และบริเวณหน้าแข้งที่หักนั้น เกิดจากการที่ผู้ตายถุกกระแทกอย่างรุนแรงด้วยวัถุไม่ทราบชนิด และภายในกระดูดต้นขานั้น เราพบกับเศษเขี้ยวของสัตว์ชนิดหนึ่งที่เราไม่สามารถระบุตัวตนได้ ว่าเป็นสัตชนิตไหน...."จ่าเหรอยอธิบาย
"....เดี๋ยวนะ! ถ้าเป็นจระเข้หลุดมา ผมยังพอเข้าใจ ว่านั่นคือฝีมือของจระเข้! แต่นี่คุณกำลังจะบอบผมว่า มีตัวอะไรสักอย่าง กำลังป้วนเปี้ยนอยู่ในแม่น้ำนี้หรือครับ??"ผู้ใหญ่เจริญพูดขึ้น
"ครับพ่อผู้ใหญ่....แต่ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบกันอย่างละเอียดอยู่ครับ!"สารวัตรพลพูด
"....เขี้ยว? มีรูปมาไหม?"มาฑเอ่ยถามขึ้น
"มีพี่ ทำไมหรือ?"จ่าเหรอยตอบ
"ขอข้าดูหน่อย"มาฑพูด
"แต่มันเป็นความลับของราชการนะพี่มาฑ!"จ่าเหรอยค้าน
"เถอะน่า มีแค่พวกเรา!"มาฑเซ้าซี้ จนในที่สุดจ่าเหรอยจึงตัดความรำคาญ ส่งรูปภาพให้มาฑดู".....เขี้ยวมันไม่ใช่เขี้ยวของจระเข้แน่นอน เขี้ยวมันไม่โค้ง มันเป็นทรงสามเหลี่ยมฟันปลา แถมยังเป็นเขี้ยวเหมือนกับฟันของฉลามเลย! แต่เล็กและเรียวยาวกว่า!!"มาฑพูดขึ้นในขณะที่ดูรูปไปเรื่อยๆ
"ฉลาม? ตอนแรกพวกนิติเวชก็พูดแบบนั้นเหมือนกันแหละพี่มาฑ แต่พอตรวจสอบใหม่ดีๆแล้ว ผลมันออกมาว่าไม่ใช่! และอีกอย่างนะพี่มาฑ บ้านเราไม่มีฉลามน้ำจืดที่กัดคนตายได้นะพี่!"จ่าเหรอยพูด
"นั่นสิ แล้วมันตัวอะไรกันนะ?"มาฑพูดขึ้นอย่างสงสัย
หลายวันผ่านไป ชาวบ้านทุกคนใช้ชิวิตประจำวันกันอย่างปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่ง มีชายสองคนออกมาตรวจตาข่ายดักปลาตามปกติ คืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์สาดส่องลงมายังพื้นน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ชายทั้งสองคนยังคงพายเรือตรวจดูตาข่ายดักปลากกันของตนไปเรื่อยๆจนกระทั่งสุดตาข่าย
"ไม่ได้สักตัว ปลามันหายไปไหนหมดวะ!?"ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"นั่นสิ หรือว่ามันจะหนีไปอยู่กันที่คุ้มน้ำอื่นแล้วมั้ง!"ชายที่นั่งอยู่ท้ายเรื่อพูดเสริม
"อย่างน้อย ได้นางเงือกสักตัวก็ดีสิ พ่อจะจับออกงานวัดเลย!"ชายที่นั่งตรงหัวเรื่อพูดอีกครั้ง
"ถ้าเป็นข้าหละก็ ข้าจะจับทำเมียซะเลย อดอยากมานานแล้ว!"ชายที่นั่งอยู่ตรงท้ายเรือพูด ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันหัวเราะร่ากันจนสนั่นไปทั้งคุ้มน้ำ
"เฮ้ยดูอะไรนี่สิ มีแสงสีฟ้าส่องออกมาจากใต้น้าด้วยว่ะ!"ชายที่นั่งอยู่ที่หัวเรือพูดขึ้น เมื่อเขาเห็นแสงบางอย่างปรากฎขึ้นอยู่ข้างๆกาบเรือ
"นั่นแสงอะไรวะน่ะ?"ชายที่นั่งอยู่ท้ายเรือพูด หลังจากที่ตนได้เห็นกับแสงที่อยู่ภายใต้ท้องน้ำอันมืดมิด
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดหรือทำอะไรต่อ พลันได้มีวัถุบางอย่างพุ่งขึ้จากน้ำด้วยความเร็ว เร็วจนทั้งสองไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่มันจะลอยข้ามเรือไปแล้วลงสู่ท้องน้ำอีกครั้ง
"น....น....นั่นมันอะไรน่ะ!!?"ชายที่นั่งอยู่ท้ายเรือพูดออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อเขาหันกลับไปหาเพื่อนที่อยู่ตรงหัวเรือก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่า ร่างของผู้เป็นเพื่อนปราศจากศิรษะ เลือดพุ่งทะลักออกมาเต็มเรือและท้องน้ำ และทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ
เขาพยายามรวบรวมสติให้ได้เร็วที่สุด หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว เขาก็กลับลำเรือแล้วรีบพายเรือออกมาให้ถึงฝั่งโดยเร็วที่สุด แต่ในขณะที่เขากำลังรีบพายเรื่อเพื่อเข้าฝั่งอยู่นั้น เขารู้สึกได้เลยว่า มีอะไรบ้างอย่างกำลังเคลื่อนตัวไล่ตามเขาเข้ามาทุกขณะ และอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงฝั่งแล้ว ฉับพลันนั้นก็ได้มีอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากด้านใต้ท้องเรือ จนทำให้เรือลำนั้นแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
"แม่จ๋า! กลัวแล้วจ้าาาาาา!!!"เขาร้องลั่น เมื่อเห็นปากที่กำลังอ่ากว้างและเต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมเต็มปาก ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง และกลับสู่ความเงียบอีกครั้งหนึ่ง
หลายวันต่อมา ทางกรมตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่า พบชิ้นส่วนของมุษย์ อยู่แถวบริเวณปากแม่น้ำแห่งหนึ่ง สารวัตรพล และจ่าเหรอย สองคู่หูได้ออกเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุหลังจากรับเรื่องไว้ในทันที 
หลังจากที่ทั้งสองใด้ทำการตรวจสอบในเบื่องต้นแล้ว สภาพของเศษชิ้นส่วนนั้นแทบไม่ต่างจากของศพรายแรกมากเท่าใดนัก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ส่งต่อให้กับนิติเวชเพื่อตรวจสอบดี.เอ็น.เอ ของเจ้าของเศษชิ้นส่วนนั้นต่อไป
"....พี่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือเปล่าครับ?"จู่ๆ จ่าเหรอยก็เอ่ยถามสารวัตรพลขึ้นในขณะที่ขับรถกลับ หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากที่เกิดเหตุแล้ว
"ชั้นเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไรนะ ว่าคนพวกนั้นจะถูกฆาตกรรมมาจากที่อื่นแล้วถูกนำศพมาทิ้งที่นี่หรือเปล่านี่สิ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น พวกสัตว์กินซากแบบไหนกันหล่ะ ที่ทำกับศพได้ขนาดนั้น?"สารวัตรพลพูด
"ตะกวดมั้งพี่ ไม่ก็พวกจระเข้!"จ่าเหรอยเอ่ยขึ้น ในขณะรถติดไฟแดง
"นี่เอ็งดูหนังมากเกินไปหรือเปล่าวะ?! ตะกวดที่ไหนวะ จะงับคนได้ขาดครึ่งตัวในครั้งเดียวน่ะ! อีกอย่างนะ แม่น้ำสายนี้อยู่ติดกับทะเลมากเกินไป แล้วยิ่งเวลาน้ำทะเลหนุนแล้ว สัตว์น้ำจืดมันก็ไม่อยู่กันแล้ว! มีแต่พวกที่อยู่ในน้ำกร่อยได้เท่านั้น....!"สารวัตรพลหยุดพูดอย่างกระทันหัน เหมือนกับว่าเขานึกอะไรได้
"ก็นั่นแหละพี่ ผมกำลังหมายถึง ตัวอะไรก็ได้ที่มันกินซากที่อยู่ในน้ำกร่อยได้ไง?"จ่าเหรอยพูด
"แต่ถ้าเป็นจระเข้น้ำเค็มหละก็ คงตัวไม่ใช่เล็กๆเลยนะเนี่ย ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของเจ้าพวกนั้น ที่ไปกัดกินศพที่ถูกนำมาทิ้งแถวนี้ก็ได้!"สารวัตรพลพูดขึ้นด้วยแววตาที่เปล่งประกายแวววับ
"งั้นก็แปลว่า เราสามารถที่จะปิดคดีนี้ได้เร็วๆนี้สินะครับ!"จ่าเหรอยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ..... "สารวัตรพลพูด ในขณะที่จ่าเหรอยค่อยๆคับรถออกจากบริเวณสี่แยกไฟแดง 
.
.
๔.การสืบสวน
หลังจากที่สารวัตรพลกลับมาถึงยังสถานีตำหรวจแล้ว เขาได้ส่งบรรณดาสายสืบลงพื้นที่ เพื่อจับตาดูเหล่ากลุ่มของผู้มีอิธิพล และพวกแก๊งอาชญากรต่างๆ และยังจัดหน่วยล่าตะเวณกลุ่มเล็กๆ คอยตรวจตราตามบริเวณของแม่น้ำ เพราะเขาคิดว่า บางที่เขาอาจจะพบจระเข้น้ำเค็มที่หลุดเข้ามาภายในแม่น้ำแห่งนี้ แต่เมื่อผ่านไปหลายอาทิตย์ก็ไร้ซึ่งวีแววใดๆ 
"ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลยหรือนี่ หรือว่าพวกนั้นไหวตัวทันกันนะ?!"สารวัตรพลพูดขึ้นในขณะที่เขาอยู่ภายในห้องทำงาน 
"ใจเย็นๆน่าพี่ ผ่านมาแค่อาทิตย์เดียวเอง ถ้ามีคนทำผิดจริง คนพวกนั้นก็คงยังไม่ลงมือทำอะไรแบบนั้นในตอนนี้หอรกครับ!"จ่าเหรอยพูดเตือนสติสารวัตรพล
"....มันก็จริงนะ แล้วเราจะทำอะไรกันต่อไปดี?"สารวตรพลถามจ่าเหรอยผู้รู้ใจ
"ก็ไปหาผู้ใหญ่เจริญสิพี่ เห็นว่าพี่เองก็ชอบน้องขวัญ ลูกสาวผู้ใหญ่ด้วยไม่ใช่เหรอ??"จ่าเหรอยพูด
"เออๆ รู้ดีจังนะเอ็ง เดี๋ยวซักวันชั้นจะเอาเทปกาวปิดปากแก! เอาเรื่องงานสิวะ!"สารวัตรพลเอ็ดจ่าเหรอยไปชุดใหญ่ แต่ในใจของเขาเองก็ต้องการที่จะไปพบหน้าขวัญ ลูกสาวของผู้ใหญ่เจริญเป็นทุนเดมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเพื่อนรุ่นน้องพูดแบบนั้น จึงแกล้งตวาดใส่เพื่อแก้อาการเขิลอากเพียงเท่านั้น
เย็นวันต่อมา สารวัตรพลได้ขับรถเก๋งประจำตัวมาที่บ้านของผู้ใหญ่เจริญ โดยที่วันนี้ จ่าเหรอยไม่ได้มาด้วย เพราะต้องเข้าเวร
"สวัสดีครับ พ่อผู้ใหญ่"สารวัตรพลกล่าวทักทายผู้ใหญ่เจริญ
"สัวสดีครับสารวัตร มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?"ผู้ใหญ่เจริญกล่าวทักทายกลับ"อีหนูเอ่ย เตรียมน้ำให้แขกหน่อยเร็ว!"เสียงผู้ใหญ่เจริญตะโกนบอกกับลูกสาว
"จ่ะพ่อ!"เสียงของขวัญขานรับ 
หลังจากนั้นผู้ใหญ่เจริญก็พาสารวัตรพล เข้าไปนั่งที่โต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงกลางของใต้ถุนบ้าน 
"น้ำได้แล้วจ่ะ"เสียงของขวัญดังอยู่ข้างๆของสารวัตรพล พร้อมจับยื่นขันน้ำและรอยยิ้มอันอ่อนหวานให้กับสารวัตรพล
"ขอบคุณครับ"เขากล่าวขอบคุณและรับเอาขันน้ำจากขวัญ โดยที่เขาเองก็เก็บอาการเขิลอาย กับความดีใจที่ได้พบกับขวัญเอาไว้ได้
"สารวัตรมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้มาหาผม?"ผู้ใหญ่เจริญกล่าวถามสารวัตรพล หลังจากที่เขาดืมน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"....อ๋อครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อยน่ะครับ"สารวัตรตอบ
"เรื่องอะไรหรือครับ?"ผู้ใหญ่เจริญถามกลับ
"....คือว่า แถวนี้เคยมีจระเข้ หลุดออกมาอาละวาดบ้างไหมครับ?"สารวัตรยิงคำถาม
"....ก็เคยมีนะครับ แต่ก็สัก 30-40 ปี โน้นแนะครับ...แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วหละครับ มันไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้วล่ะครับ"ผู้ใหญ่เจริญตอบ
"....แล้วมีใครเห็นอะไรแปลกๆในน้ำบ้างไหมครับ?"สารวัตรพลถามต่อ
"....จะว่าไป....มันก็มีเจ้าเตี้ยลูกชายคนโตของผมน่ะครับ!"ผู้ใหญ่เจริญตอบ
"เขาเห็นอะไรงั้นหรือครับ?"สารวัตรพลถามกลับอย่างตื่นเต้น
"เห็นบอกว่าเป็นเงาของปลา ที่อยู่ในใต้น้ำน่ะครับ"ผูใหญ่เจริญตอบ
"ปลา....งั้นหรือครับ??"สารวัตรพูดขึ้นอย่างสงสัย
"ครับ เขาบอกว่าเป็นเงาของปลาที่ใหญ่มากๆเลยน่ะครับ"ผู้ใญ่เจริญพูดขึ้น
"....แล้วที่ว่าใหญ่มากๆนี่ มันกะได้ประมาณขนาดไหนครับ??"สารวัตรพลถามผู้ใหญ่เจริญอีกครั้ง 
"เห็นว่า ประมาณเรือกำปั้นเล็กน่ะครับ!"
"....แล้วตอนนี้ ลูกชายพ่อผู้ใหญ่อยู่ที่ไหนครับ พอดีผมอยากจะฟังทุกอย่าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากปากของเขาเองน่ะครับ?"สารวัตรถามผู้ใหญ่เจริญ
"เห็นบอกว่าจะไปเยี่ยมอาของมาฑน่ะครับ"ผู้ใหญ่เจริญตอบ
"บ้านของมาฑหรือครับ?"สารวัตรพลถามย้ำ
"ครับ บ้านของมาฑ"ผู้ใหญ่เจริญยืนยัน
"ครับ ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่มากครับ ผมขอตัวไปหาข้อมูลต่อนะครับ!"สารวัตรพลกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่เจริญพร้อมกับลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
"อ้าว จะไปแล้วหรือครับ ไม่อยู่ทารข้าวด้วยกันหน่อยหรือครับ?"ผู้ใหญ่เจริญพูดขึ้น
"ไม่เป็นไรครับ ผมทานข้าวเย็นมาแล้วครับ ยังไงก็ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่มากๆนะครับ"สารวัตรพลพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้านของผู้ใหญ่เจริญ"ปลาตัวใหญ่งั้นหรือ?! มันปลาพันธุ์อะไรกันนะ?"เขาพูดขึ้นในขณะที่กำลังสตาร์ทรถเก๋งของเขาแล้วขับออกไป มุ่งสู่บ้านของมาฆ ผู้เป็นเพื่อนเก่า เป็นเป้าหมายต่อไปในค่ำคืนนี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น